‘ไทย-สิงคโปร์’ จากคู่ค้าอันดับ 9 สู่เวที ‘นักคิด’ ที่ดีผ่านงานเสวนาครั้งใหญ่ ‘เศรษฐกิจสีเขียว’ เพื่อภูมิภาคอาเซียน
Green Economy หรือ เศรษฐกิจสีเขียว กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกพยายามมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการรักษาสิ่งแวดล้อมให้ได้อย่างสมดุลที่สุดร่วมกัน เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน โดยจะรวมไปถึงการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจทั่วทั้งภูมิภาคด้วย
สำหรับงาน Singapore Regional Business Forum (SRBF) ปี 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทยโดยสภาธุรกิจสิงคโปร์ (Singapore Business Federation) ถือว่าเป็นมูฟเมนต์สำคัญบนเวทีที่ผู้นำเศรษฐกิจและนักลงทุนในภูมิภาคเอเชีย จะแลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงเรื่องที่น่ากังวลต่างๆ ด้วยกัน
โดยคาดว่าปีนี้จะดึงดูดผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชน และนักลงทุนกว่า 500 คนจาก 30 ประเทศและเศรษฐกิจทั่วโลก เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจ และการลงทุนของภูมิภาคในอนาคต
[ คู่ค้าไทย-สิงคโปร์ อันดับ 9 ]
ผิง ซุน ก๊ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สภาธุรกิจสิงคโปร์ (SBF) ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยว่า ปีนี้เป็นการจัดงานนอกประเทศสิงคโปร์ ครั้งที่ 2 ถือเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-สิงคโปร์
โดยงานเสวนาครั้งนี้จะเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และนวัตกรรม
แน่นอนว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับภูมิภาคอาเซียนในภาพรวมด้วย และรักษาความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนในเวทีเศรษฐกิจโลก
การที่สิงคโปร์เลือกไทยถือว่าเป็นโอกาสเปิดกว้างอย่างหนึ่งสำหรับการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยการค้าไทย-สิงคโปร์เฉลี่ยเติบโตอยู่ที่ 6.4% แตะระดับ 4.45 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1.12 ล้านล้านบาท) ซึ่งปัจจุบันสิงคโปร์เป็นคู่ค้าอันดับ 9 ของไทย และเป็น top investor หนึ่งในนั้นของไทย โดยลงทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ 2015
“นักลงทุนสิงค์โปร์สนใจไทยมากๆ ในภาคธุรกิจ, เศรษฐกิจ เช่น ภาคการเงิน, การธนาคาร, การประกัน, อสังหาริมทรัพย์ และก็สนใจลงทุนในเซกเตอร์ใหม่ๆ ด้วย เช่น EV”
“ในปีนี้เราจะเน้นความแกร่งของการค้า ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เราต่างก็เผชิญร่วมกัน ว่าเราต้องรับมืออย่างไร”
นอกจากนี้ ผิง ซุน ก๊ก ยังกล่าวว่า ระดับภูมิภาคจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เช่น ความยั่งยืน, green finance, การส่งเสริมนวัตกรรมด้านการเงินต่างๆ โดยในปีนี้ ไม่ได้จำกัดแค่ไทย หรือสิงคโปร์เท่านั้น แต่มี ‘หอการค้าฮ่องกง’ มาด้วย ซึ่งแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญไม่เหมือนกัน
“เราจะเน้นที่แนวโน้มเชิงนโยบาย การค้า การพูดคุยต่างๆ เพื่อช่วยเพื่อนร่วมภูมิภาค และทำให้ภูมิภาคนี้ดีขึ้น”
ถึงแม้ว่า สิงคโปร์ และฮ่องกง จะเป็นชาติที่เชี่ยวชาญเรื่อง ‘การเงิน’ เหมือนกัน แต่สำหรับ ผิง ซุน ก๊ก เขามองว่า ภาคการเงินเป็นเรื่องพื้นฐาน ไม่ว่าจะลงทุนในด้านไหนแต่ภาคการเงินต้องมาเป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนการเชิญฮ่องกงครั้งนี้ เพื่ออยากให้มาแชร์สิ่งที่ฮ่องกงถนัด บางทีเขาอาจจะล้ำกว่าเราในเรื่องนี้ หรือเชี่ยวชาญกว่าในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็ถือว่ามาเรียนรู้ซึ่งกันและซึ่ง รู้เขา รู้เรา แลกเปลี่ยนกัน
“be greater be area ไหนๆ เราก็เป็นเอเชียเหมือนกัน เราใช้ทะเลร่วมกัน อยากให้เราตระหนักว่าทุกภูมิภาคแย่งกันอยู่แล้ว แต่เราต้องศึกษาเขา เขาอาจจะอยากมาฟังเรา ก็เป็นเรื่องน่าสนใจดี”
สุดท้าย ผิง ซุน ก๊ก พูดแง่คิดเรื่องหนึ่งค่อนข้างน่าสนใจ โดยกล่าวว่า “เราแข่งกับภูมิภาคอื่นได้ แต่เราต้องร่วมมือกัน งานฟอรั่มครั้งนี้เราเชิญภาครัฐมาด้วย ก็เพื่อสิ่งนี้ เพื่อความยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียน ทำให้เกิดความร่วมมือกัน”