ทรัมป์ลั่นย้ายกองบัญชาการกองทัพอวกาศจากโคโลราโดไปยังอลาบามา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ถือเป็นประโยชน์ต่อรัฐที่สนับสนุนการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันทั้ง 3 ครั้งอย่างท่วมท้น โดยดึงงานและเศรษฐกิจจากรัฐที่คัดค้านพวกเขา
“เรารักอลาบามา ที่นี่ผมชนะไปประมาณ 47 เสียงเท่านั้น แต่ผมไม่คิดว่านั่นมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผม” ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวและสมาชิกสภานิติบัญญัติที่รวมตัวกันที่ห้องทำงานรูปไข่
การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการทบทวนการดำเนินการภายใต้การบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เลือกโคโลราโดสปริงส์เป็นที่อยู่ถาวรสำหรับกองบัญชาการกองทัพใหม่ล่าสุดของสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กลาโหมคาดการณ์ว่าการย้ายสำนักงานใหญ่ซึ่งเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 อาจมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์ และใช้เวลาสามถึงสี่ปีจึงจะแล้วเสร็จ
ตามบันทึกของรัฐสภา กองบัญชาการกองทัพอวกาศซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2019 ภายใต้การบริหารของทรัมป์ชุดแรก มีหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติการทางทหารนอกชั้นบรรยากาศของโลก และปกป้องดาวเทียมของสหรัฐฯ จากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ประมาณ 1,700 คนทำงานในกองบัญชาการอวกาศ
ทรัมป์มักเชื่อมโยงการตัดสินใจด้านเงินทุนของรัฐบาลกลางกับการเมือง ก่อนหน้านี้เขาเคยขัดขวางความเคลื่อนไหวที่จะตั้งสำนักงานใหญ่ของเอฟบีไอในรัฐแมรีแลนด์ โดยเรียกสำนักงานดังกล่าวว่า “รัฐเสรีนิยม” และเสนอแนะให้คำนวณความช่วยเหลือจากภัยพิบัติในแคลิฟอร์เนียเข้ากับการตัดสินใจเชิงนโยบายของรัฐ
“ปัญหาที่ฉันมีกับโคโลราโด หนึ่งในปัญหาใหญ่คือการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ พวกเขาไปลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงโกงการเลือกตั้งโดยอัตโนมัติ” ทรัมป์ระบุ
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้ง พลเมืองสามารถลงคะแนนเสียงด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ได้ในโคโลราโด
ขณะที่สมาชิกรัฐสภาจากโคโลราโดทุกคน รวมทั้งสี่คนที่เป็นพรรครีพับลิกัน กล่าวในแถลงการณ์ร่วมว่า "การย้ายกองบัญชาการกองทัพอวกาศ จะทำให้กลไกการป้องกันอวกาศของเราถอยกลับไปหลายปี เปลืองเงินภาษีหลายพันล้านดอลลาร์ และทำให้กับภัยคุกคามจากจีน รัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ รุนแรงขึ้น"
การตัดสินใจเกี่ยวกับฐานทัพทหารถูกใช้เป็นอาวุธทางการเมืองมายาวนานในสหรัฐ โดยฝ่ายนิติบัญญัติถือว่าการติดตั้งระบบป้องกันและการจัดซื้อยุทโธปกรณ์เป็นเสมือนเครื่องมือต่อรองทางการเมือง