ไทยผนึก สหรัฐ-ญี่ปุ่น-อินเดีย ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ
วันที่ 23 สิงหาคม 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ หรือ International Anti-Scam and Human Trafficking Syndicate Command Center (IAC) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินงานของ “วอร์รูม IAC” ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางบูรณาการข้อมูลและปฏิบัติการระดับนานาชาติ ในการปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธัชชัย พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว/รอง ผบ.ศกค. ได้ประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Secret Service, FBI และ HSI โดยมีผู้แทนระดับภูมิภาค 5 คน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมวอร์รูม IAC สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่ออัปเดตสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและแลกเปลี่ยนยุทธวิธีในการสกัดกั้นขบวนการหลอกลวงออนไลน์
ต่อมา พล.ต.อ.ธัชชัย และคณะยังได้หารือกับผู้แทนจากรัฐสภาสหรัฐอเมริกา และเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการค้ามนุษย์และการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต เช่น พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.ธีรนนท์ แมนมงคล และ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ เพื่อชี้แจงการดำเนินงานของศูนย์ IAC รวมถึงแนวทางความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ในการบังคับใช้กฎหมาย ก่อนนำคณะเยี่ยมชมการทำงานของวอร์รูม IAC และศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์
วันที่ 22 สิงหาคม พล.ต.อ.ธัชชัย ได้ประชุมต่อเนื่องกับผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ผ่านระบบออนไลน์ อาทิ Mr. Akira Kitamoto, Mr. Kei Ikeda, Mr. Tomoki Kanda และ Mr. Shoji Miura รวมถึงเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ก่อนลงพื้นที่ประชุมกับคณะผู้แทนจาก Indian Cybercrime Coordination Centre (I4C) กระทรวงมหาดไทยอินเดีย ซึ่งมีทั้งผู้บริหารระดับสูงและผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยเข้าร่วม
การประชุมกับญี่ปุ่น และ อินเดีย มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้าน พฤติการณ์หลอกลวงออนไลน์รูปแบบใหม่ ข้อมูลบุคคลสัญชาติญี่ปุ่นและอินเดียที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการติดตามเครือข่ายที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านพาเหยื่อไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศที่สาม
พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา ขบวนการคอลเซ็นเตอร์มีแนวโน้มใช้ไทยเป็นฐาน หรือ เส้นทางเคลื่อนย้ายเหยื่อ และบุคคลเป้าหมาย ทำให้การติดตามจับกุมซับซ้อนยิ่งขึ้น แต่ด้วยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐ ญี่ปุ่น และ อินเดีย ขณะนี้สามารถแลกเปลี่ยนข่าวกรอง แบ่งปันเทคโนโลยี และผนึกกำลังสืบสวนสอบสวนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศไม่ใช่เพียงการไล่จับ แต่คือการส่งสัญญาณให้ประชาคมโลกเห็นว่า จะไม่ยอมให้พรมแดนเป็นที่หลบซ่อนของอาชญากรอีกต่อไป”
พล.ต.อ.ธัชชัย ยังย้ำว่า นอกจากการปราบปรามแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนไทยและชาวต่างชาติ ให้รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพออนไลน์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ และเป็น “แนวป้องกันด่านแรก” ที่ยั่งยืน