DUSITเปิด 15 หุ้นใหญ่ ศึกชิงอำนาจ! ใครชนะ?
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 27 สิงหาคม 2568 เวลา 19.46 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DUSIT) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 26 กันยายน 2568 เวลา 14.00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เพียงรูปแบบเดียว โดยกำหนด Record Date ในวันที่ 10 กันยายน 2568
การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นตามสิทธิของผู้ถือหุ้นตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีวาระสำคัญ อาทิ
- รับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี2568
- พิจารณาอนุมัติงบการเงินปีสิ้นสุด31 ธันวาคม 2567
- พิจารณาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างคณะกรรมการ รวมถึงการถอดถอนและแต่งตั้งกรรมการใหม่ โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ
- พิจารณาเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการ และมอบอำนาจในการดำเนินการจดทะเบียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในวาระที่เป็นประเด็นสำคัญ และต้องจับตา คือ วาระการพิจารณาอนุมัติถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก โดยคณะกรรมการบริษัทดำเนินการนำเสนอวาระดังกล่าวเพื่อพิจารณาต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ตามบทบัญญัติของมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)
เนื่องจาก บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตามสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ ได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการบริษัทให้เรียกและจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและเสนอวาระดังกล่าว นอกจากนี้ คณะกรรมการซึ่งไม่รวมกรรมการที่มีส่วนได้เสีย (ได้แก่ นายชนินทธ์ โทณวณิก และนางสินี เธียรประสิทธิ์) มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ผู้ถือหุ้นควรใช้วิจารณญาณในการพิจารณาในวาระถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก เนื่องจากคุณสมบัติของกรรมการบริษัทควรสอดคล้องกับธุรกิจหลักของดุสิต คือ ด้านโรงแรมและอาหาร ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำที่มีความเข้าใจในธุรกิจและการปฏิบัติการอย่างลึกซึ้ง รวมถึงมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะดำเนินธุรกิจที่ตนสร้างขึ้นมาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ซึ่ง นายชนินทธ์ โทณวณิก เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจโรงแรมและอาหารมาอย่างยาวนานและเป็นทายาทคนโตของผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี เป็นผู้ที่ทราบและเข้าใจความเป็นมาของโรงแรมเป็นอย่างดี เป็นบุคคลสัญลักษณ์ของดุสิตธานี และสืบต่อเจตจำนงของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ในการรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทยของโรงแรมดุสิตธานี มาจนถึงทุกวันนี้
อีกทั้งมีเครือข่ายในวงการ hospitality อย่างแข็งแกร่ง และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล รวมถึงการริเริ่มโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งนายชนินทธ์ โทณวณิก เป็นผู้ริเริ่มและเป็นผู้นำในการดำเนินการ รวมถึงแนวคิดและกลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เป็นหนึ่งในโครงการของบริษัทที่คาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทและเป็นโครงการที่ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อให้ดุสิตมีความทันสมัยแต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยเพื่อให้เป็นมรดกตกทอดไปถึงรุ่นลูกหลานของไทย
ดังนั้น การถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก จะส่งผลกระทบต่อบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) รวมถึงโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกส่วนที่มีต่อบริษัท
ด้าน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม DUSIT เปิดเผยว่า การจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ เป็นกระบวนการปกติภายใต้กฎหมายและหลักบรรษัทภิบาล เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องสำคัญของบริษัทฯ
“ดิฉันขอยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น โดยทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคนยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ จนกว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะมีมติ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต บริษัทฯ พร้อมที่จะแจ้งให้ทราบโดยทันที และเรายังคงยึดมั่นในการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ด้วยความโปร่งใสภายใต้หลักธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กร ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกท่าน”
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มดุสิตธานี ได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ โดยมุ่งหวังที่จะวางรากฐานที่มั่นคงให้กับดุสิตธานี โดยเฉพาะโครงการสำคัญอย่าง ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งนับเป็นอีกก้าวแห่งประวัติศาสตร์ที่จะยกระดับบริษัทฯ เข้าสู่ Chapter ใหม่
“หลังจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวจากสิ่งที่ผู้บริหารและพนักงาน รวมถึงคณะกรรมการบริษัทฯ ได้สร้างไว้ ดังนั้น ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือผู้บริหาร แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้อย่างแน่นอน คือ การที่ดุสิตธานีจะสามารถรับรู้รายได้และผลกำไรในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนภายในปีหน้า หลังจากจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการอาคารที่พักอาศัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของกลุ่มดุสิตธานี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานีกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะรายงานความคืบหน้าต่อผู้ถือหุ้นและตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ บริษัทดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้ออกหนังสือ เชิญสื่อมวลชนรับฟังการแถลงข่าวด่วน ในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของดุสิตธานี”
โดยนายชนินทธ์ ได้เล่าถึงปัญหา ก่อนจะนำมาสู่วาระการถอดถอนตนเอง ออกจากตำแหน่งกรรมการ ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ บมจ.ดุสิตธานี ที่จะถึงในเดือนหน้านี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากความวุ่นวายของการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 32/2568 ที่ผ่านมาทั้งสองครั้ง และการไม่อนุมัติงบการเงินประจำปี 2567 ของ บมจ.ดุสิตธานี แต่จุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากที่คุณแม่ ท่านผู้หญิง ชนัตถ์ ปิยะอุย สิ้น
เนื่องจากท่านผู้หญิงฯ ได้มอบหมายให้ผมเป็นเสาหลักในการดูแลกิจการของบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ. ดุสิตธานี และธุรกิจอื่นของครอบครัวเป็นเวลากว่า 30 ปี ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา อำนาจกรรมการของบริษัทภายใต้การดูแลของท่านผู้หญิงฯ คือ ท่านผู้หญิงฯ ลงนามร่วมกับผม หรือ ท่านผู้หญิงฯ ลงนามร่วมกับคุณสินี เธียรประสิทธิ์ โดยเมื่อท่านผู้หญิงฯ ไม่อยู่แล้ว ผมคือผู้ลงนามหลัก ที่ต้องลงนามร่วมกับคุณสินี หรือผมลงนามร่วมกับน้องคนเล็ก
ต่อมา น้องทั้งสองคนของผมได้ร่วมกันใช้เสียงโหวตเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการเดิมที่คุณแม่กำหนดไว้ เพื่อแก้ไขอำนาจกรรมการ โดยไม่ฟังเสียงของผม โดยจากที่ผมมีอำนาจหลักในการลงนามร่วมกับใครคนใดคนหนึ่ง เปลี่ยนให้เป็นกรรมการสองในสามลงนามร่วมกัน และหลังจากนั้น น้องๆ ก็ร่วมกันปลดผมออกจากการเป็นกรรมการของบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด รวมถึงการปลดผมออกจากการเป็นกรรมการทุกบริษัทในกองมรดก ทั้งที่ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้จัดการมรดก ซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรม ผมจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิตามกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิของผม และขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
ผลกระทบที่ลุกลามมาถึงดุสิตธานี
ก่อนหน้านี้ พวกเขาใช้อำนาจผ่านบริษัท ชนัตถ์และลูก ไม่อนุมัติงบการเงิน ทั้งที่งบการเงินไม่ได้มีปัญหา และล่าสุดยังพยายามถอดถอนผมออกจากตำแหน่งกรรมการในดุสิตธานี เพื่อแต่งตั้งบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับคนนอกครอบครัวเข้ามาควบคุมอำนาจบริหาร ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อ บมจ. ดุสิตธานี แต่ยังเป็นการเปิดทางให้คนนอกครอบครัวเข้ามายึดกิจการที่ครอบครัวสร้างมาอีกด้วย นอกจากนี้ ผมเห็นว่าผู้ที่จะต้องเสียหายไปด้วยก็คือ ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่อยู่ในฐานะที่ไม่สามารถตอบโต้ หรือทำอะไรได้เลย
การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการและความพยายาม Take Over
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะ
- มีการเสนอกรรมการใหม่บางคนที่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับกลุ่มเซ็นทรัล
- การเปลี่ยนกรรมการที่มีอำนาจจากคนในครอบครัวไปสู่คนนอก ที่ไม่เคยบริหารและไม่รู้จักดุสิตธานีอย่างแท้จริงมาก่อน โดย 2 ใน 3 สามารถลงนามแทนบริษัท เป็นการเปิดทางให้คนนอกเข้าควบคุมกิจการที่ครอบครัวสร้างมาได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีกรรมการเดิมลงนามเลยก็สามารถผูกพันดุสิตธานีได้
และที่ผ่านมา ยังมีความพยายามผลักดันให้ผมแบ่งหุ้นบริษัท ชนัตถ์และลูก ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ. ดุสิตธานีออกเป็นสามส่วน เพื่อขายต่อให้คนนอก ทั้งๆ ที่ข้อบังคับของบริษัท ชนัตถ์และลูก ระบุไว้ว่า ไม่ให้ขายหุ้นของชนัตถ์และลูก ให้แก่คนนอกครอบครัว ซึ่งการกระทำเช่นนี้ เท่ากับเปิดประตูให้คนนอกเข้ามาครอบครองกิจการที่เคยเป็นของครอบครัวสร้างมาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง
ความพยายามในการแทรกแซง
กลุ่มเซ็นทรัลเคยพยายามเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บมจ.ดุสิตธานีหลายครั้ง ครั้งหนึ่งเคยซื้อหุ้นดุสิตธานี จนถึง 22.5% โดยไม่แจ้งให้เราทราบ ทั้งที่เป็นพันธมิตรและคู่สัญญาในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จนผมต้องไปเจรจา เพื่อขอให้เขาขายหุ้นออกครึ่งหนึ่ง และขอไม่ให้กลุ่มเซ็นทรัลส่งคนมานั่งเป็นกรรมการ เพราะธุรกิจเรามีความทับซ้อนกัน เช่น ธุรกิจสายโรงแรมก็มีการแข่งขันกันโดยตรง และยังมีธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอาหารเหมือนกัน ด้วยเกรงว่าจะเกิดปัญหาเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์
และต่อมาได้ทราบมาจากหลายช่องทางและเข้าใจว่า ทางกลุ่มเซ็นทรัลและบริษัท ชนัตถ์และลูก ภายใต้การบริหารของน้องสาวทั้งสองของผม ได้มีการหารือกันหลายครั้ง เพื่อหาทางซื้อหุ้นเพิ่ม ผมเข้าใจว่าการหารือกันระหว่างทั้งสองฝ่ายอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะเข้าควบคุมอำนาจบริหารกิจการดุสิตธานี
ซึ่งผมเห็นว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง และจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและโครงการดุสิต เรสซิเดนเซส และยังอาจมีประเด็นเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เนื่องจากความทับซ้อนของธุรกิจ และที่สำคัญ ณ ปัจจุบัน โครงการนี้ สามารถขายไปได้แล้วกว่า 92% เพราะผู้ซื้อเชื่อมั่นในชื่อเสียงและการบริหารงานอย่างมีคุณภาพ และการไม่เอาเปรียบผู้ซื้อของดุสิตธานี แต่ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ และอาจจะส่งผลกระทบต่อการโอนห้องชุด ที่จะเริ่มในไม่กี่เดือนข้างหน้า และกระทบต่อความเชื่อมั่นในโครงการทั้งหมด
การปกป้องดุสิตธานีที่กำลังจะมีอนาคตที่สดใส จากการถูกยึดครองโดยไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี คือ แบรนด์ไทยที่ครอบครัวสร้างมากว่า 76 ปี และเป็นมรดกทางจิตวิญญาณที่ต้องรักษาไว้ แต่อยู่ๆ กลับจะมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ ด้วยการเสนอชื่อกรรมการเข้ามาใหม่ถึง 10 คน ทำให้จำนวนกรรมการเพิ่มขึ้นจากเดิม 12 เป็น 18 คน และเปลี่ยนกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ซึ่งสามารถทำให้อำนาจการควบคุมกิจการเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหาร ซึ่คิดว่าเป็นการไม่ยุติธรรมต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการ และทีมงานที่ทุ่มเทเวลามาเกือบ 10 ปี เพื่อฟูมฟักและทำให้ดุสิตธานีเติบโตมาจนถึงจุดนี้ และที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นยังเป็นการไม่ยุติธรรมต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย
ดังนั้น ผมเห็นว่าการที่พยายามจะเอาคนนอก ที่ไม่ได้เข้าใจความเป็นดุสิตธานี เข้ามากุมอำนาจในช่วงนี้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมกับหลายๆ ฝ่าย ซึ่งอาจจะสร้างผลกระทบในทางลบกับบริษัทดุสิตธานีอย่างมาก ความไม่แน่นอนต่ออนาคตของดุสิตธานี จะสร้างผลกระทบให้กับเจ้าของโรงแรมที่ไว้วางใจให้ดุสิตธานีบริหารให้เกือบ 300 แห่งทั่วโลก หรือแม้แต่หุ้นส่วนที่มาเข้าลงทุนกับบริษัทในเครือ ลูกค้าที่มาใช้บริการโรงแรม รวมถึงลูกค้าในโครงการดุสิต เรสซิเดนเซส กว่า 400 คนที่มาซื้อห้องชุด ด้วยความเชื่อถือและมั่นใจในคณะกรรมการ และผู้บริหารชุดปัจจุบัน
*เปิดรายชื่อ 15ผู้ถือหุ้นใหญ่ “DUSIT”
ลำดับ ผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้น %หุ้น 1 บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด 422,821,310 49.74 2 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) 145,238,320 17.09 3 ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 34,500,000 4.06 4 นาย วิชิต ชินวงศ์วรกุล 32,886,000 3.87 5 นาง จารุณี ชินวงศ์วรกุล 17,793,300 2.09 6 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 16,010,081 1.88 7 นาง สาวิตรี รมยะรูป 10,677,400 1.26 8 นาย ชาลี โสภณพนิช 10,597,400 1.25 9 นาง สุชาดา ลีสวัสดิ์ตระกูล 10,597,400 1.25 10 นาย ชาติศิริ โสภณพนิช 10,597,400 1.25 11 น.ส. ชัชลี พัฒนาพลกรสกุล 8,045,000 0.95 12 นาย สหนันท์ เชนตระกูล 7,610,000 0.90 13 MRS. ARUNEE CHAN 4,868,400 0.57 14 บริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด 4,715,000 0.55 15 สำนักงานพระคลังข้างที่ 4,318,200 0.51
(ข้อมูลจาก SET)