ปัญหาที่ต้องแก้ไขของ “หงส์แดง” เวอร์ชัน 2.0
ลิเวอร์พูล ยุค 2.0 ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เนอ สลอต เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบที่สนาม เวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยการพ่ายดวลจุดโทษ คริสตัล พาเลซ 2-3 ในศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ซึ่งมีทั้งเสียงชื่นชม และวิจารณ์ แต่เกมนี้ “หงส์แดง” แสดงให้เห็นว่า มีบางจุดที่ยังต้องปรับปรุงก่อนเริ่มซีซันใหม่ในสุดสัปดาห์หน้า
เกมดังกล่าว นักเตะใหม่ 4 รายที่ ลิเวอร์พูล เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาในซัมเมอร์นี้ ได้ลงประเดิมสนามเป็นตัวจริงทั้งหมด โดย ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ มิดฟิลด์ค่าตัว 116 ล้านปอนด์ รับหน้าที่เป็นจอมทัพ ขณะที่ เฌเรมี ฟริมปง และ มิลอส เคอร์เกซ ปักหลักในตำแหน่งฟูลแบ็ค ส่วน ฮูโก เอคิติเก ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า
แม้เกมจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ แต่สิ่งที่น่าพอใจคือ การมีส่วนร่วมของผู้เล่นใหม่อย่าง เอคิติเก และ ฟริมปง ที่ยิงประตูได้ในเกมเปิดตัว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่มีนักเตะใหม่สองคนทำสกอร์ในนัดแรกของตนเอง ส่วน เวิร์ตซ์ ก็ทำไป 1 แอสซิสต์ แต่ ปัญหาในเกมรับยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ของทีม และ สลอต ก็ยอมรับว่า เวลา และการปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทีมชุดใหม่นี้
เกมรับที่ยังมีช่องโหว่นี้ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้เลยตลอดเกมกระชับมิตรช่วงปรีซีซันที่ผ่านมา และปัญหาใหญ่ของพวกเขาคือ เหลือกองหลังให้เลือกใช้งานเพียง 3 ราย ประกอบด้วย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, อิบราฮิมา โกนาเต และ โจ โกเมซ ที่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนตลอดเวลา
ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล ยังคงเดินหน้ามองหาปราการหลังคนใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมี มาร์ค เกฮี กัปตันทีม พาเลซ เป็นเป้าหมายหลัก และ จิโอวานี เลโอนี ดาวรุ่ง ปาร์มา เป็นทางเลือกสำรอง แต่ “หงส์แดง” ก็ยังไม่ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการให้กับทั้งคู่ ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์ ตลาดนักเตะก็จะปิดทำการแล้ว
นอกจากนี้ 2 ฟูลแบ็คหน้าใหม่อย่าง ฟริมปง และ เคอร์เกซ มีสไตล์ที่เน้นเกมรุกชัดเจน โดยเฉพาะ ฟริมปง ที่ดูเหมือนจะเหมาะสมกับบทบาทปีกมากกว่า ซึ่งเห็นการจากการเล่นเกมบุกที่อันตราย และความเร็วที่มากกว่ากองหลังทั่วไป แต่เกมรับยังต้องปรับปรุง ขณะที่ เคอร์เกซ ยังต้องใช้เวลาปรับตัวกับเพื่อนร่วมทีมใหม่อีกสักระยะ
ด้านเกมรุกไม่มีเรื่องที่น่ากังวลมากนัก เนื่องจาก เวิร์ตซ์ แสดงให้เห็นว่า ปรับตัวได้อย่างยอดเยี่ยมกับตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 โดย ดาวเตะวัย 22 ปี ประสานงานกับ เอคิติเก ได้อย่างเข้าขารู้ใจ รวมถึงเชื่อมเกมกับนักเตะชุดเดิม อาทิ โมฮาเหมด ซาลาห์ , โดมินิก โซบอสไล และ โคดี กัคโป ได้อย่างไร้รอยต่อ
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ยังคงต้องการดาวยิงหมายเลข 9 เพิ่มอีก 1 คน เพื่อมาทดแทน ดาร์วิน นูนเยซ ที่ย้ายไป อัล ฮิลาล และ หลุยส์ ดิอาซ ที่ย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค โดยเป้าหมายหลักคือ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แต่การเจรจายังคงยืดเยื้อหลังข้อเสนอรอบแรก 120 ล้านปอนด์ โดนปฏิเสธไปแล้ว
สำหรับแฟนบอล ลิเวอร์พูล การแพ้ พาเลซ อาจไม่น่าผิดหวังนัก หากดูสถิติที่ผ่านมา เพราะมีเพียงไม่กี่ทีมที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ หลังจากคว้าแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ และหนทางยังอีกยาวไกล ซึ่งทัพ “หงส์แดง” ยังมีเวลาอีกมากที่ปิดจุดอ่อนเพื่อป้องกันแชมป์ในซีซันหน้า
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก : Liverpool FC