เงินบาทเช้านี้ 13 สิงหาคม 2568 “อ่อนค่าเล็กน้อย” เปิดตลาด 32.40 /$
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินและตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13 ส.ค. 68) อยู่ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนที่ 32.33 บาท โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.29-32.50 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงวันหยุดตลาดการเงินไทย ซึ่งได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาทองคำปรับลดลง
อย่างไรก็ตาม เงินบาทกลับมาแข็งค่าทดสอบแนวรับที่ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากนักลงทุนปรับเพิ่มความคาดหวังต่อโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุม FOMC เดือนกันยายน โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนกรกฎาคมที่ออกมาผสมผสาน โดย CPI ยังคงทรงตัวที่ 2.7% ต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ขณะที่ Core CPI ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 3.1% สูงกว่าคาด
สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเงินปอนด์อังกฤษ หลังตลาดปรับลดความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แต่ตลาดยังมั่นใจว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้
ในส่วนของแนวโน้มเงินบาท นายพูนมองว่า เงินบาทยังเผชิญความเสี่ยงเคลื่อนไหวแบบสองทาง (Two-Way risk) ขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงของมุมมองตลาดต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งคาดว่าตลาดได้ปรับความคาดหวังไปค่อนข้างมากแล้ว หากตลาดลดความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ เงินบาทอาจอ่อนค่าลง แต่หากเฟดยังคงมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยตามคาด เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น โดยยังต้องจับตาทิศทางราคาทองคำควบคู่กันไป เพราะราคาทองคำสะท้อนภาวะเปิดรับความเสี่ยงในตลาดการเงิน
นอกจากนี้ นายพูนยังแนะนำว่า นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือความผันผวนของเงินบาทและสกุลเงินอื่น ๆ ด้วยการใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่หลากหลาย เช่น การทำสัญญา Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับ Forward Contract
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 32.00-32.75 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบระยะสั้นใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ 32.30-32.50 บาทต่อดอลลาร์
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลกและผลกระทบต่อตลาดเงิน
- สหรัฐฯ
นักลงทุนจะจับตารายงานเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนกรกฎาคม เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของเฟด นอกจากนี้ถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟดจะมีความสำคัญอย่างมากในการกำหนดทิศทางตลาด - ยุโรป
ตลาดจะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซนและอังกฤษ เช่น อัตราการเติบโตไตรมาส 2 และผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน เพื่อประเมินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งล่าสุด ตลาดได้ปรับลดความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของทั้งสองธนาคาร - เอเชีย
นักลงทุนจะจับตาเศรษฐกิจจีน ผ่านตัวเลขยอดค้าปลีก ผลผลิตอุตสาหกรรม และราคาบ้านในเดือนกรกฎาคม รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่น เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาส 2 และผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาค - ไทย
ตลาดจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือนสิงหาคม ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่กนง. จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดฐาน สู่ระดับ 1.50% แต่ยังมีโอกาสที่กนง. อาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์และประสิทธิภาพของนโยบายการเงิน ภายใต้ข้อจำกัดของพื้นที่ทางนโยบาย (Policy Space) หากกนง. คงดอกเบี้ยจริง อาจมีการใช้เครื่องมือเสริมอื่น ๆ เพื่อประคองเศรษฐกิจ โดยคาดว่าภายในต้นปี 2026 อัตราดอกเบี้ยอาจลดลงเหลือ 1.25% หรือมากกว่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดมุมมอง 4 แบงก์ ฟันธง “ดอกเบี้ย” ประชุม “กนง.”
- หุ้นไทยไปต่อหรือพักฐาน! ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าดันดัชนีดีดขึ้นกว่า 200 จุด ตัวไหนปลอดภัย เช็กเลย?
- กนง.ลดดอกเบี้ยหรือไม่ ! หลังเงินเฟ้อหลุดกรอบ-ภาษี "ทรัมป์" ฉุดเศรษฐกิจ
- หุ้นไทยวันนี้ 8 สิงหาคม 2568 ลดลง 6.08 จุด จับตาผลประชุมกนง.
- เงินบาทเช้านี้ 8 สิงหาคม 2568 “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” เปิดตลาด 32.28 บาท/ดอลลาร์