สั่งสอนศาลยุติธรรม-ศาลรธน.! กมธ.งบฯ69 จี้ปรับปรุงหลักสูตร บยส. ป้องกันเครือข่ายคอนเน็กชัน
กมธ.งบฯ 69 บี้หนัก สั่งสอนศาลยุติธรรม-ศาลรธน. จี้ปรับปรุงหลักสูตร บยส.ป้องกันสร้างระบบอุปถัมภ์ เครือข่ายคอนเน็กชั่นพวกพ้อง จนถูกมองเอื้อประโยชน์ตัดสินคดี ไม่โปร่งใส แนะตุลาการศาลรธน.ต้องใจกว้างรับฟังความเห็นประชาชน จะได้ตัดสินคดีรอบด้านเป็นธรรม และเร่งสร้างภาพลักษณ์ให้คนยอมรับ
11 ส.ค.2568-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์นี้ช่วงวันที่ 13-15 ส.ค. ที่จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระสองและวาระสาม โดยในส่วนของเอกสารรายงานผลการพิจารณาร่างพรบ.งบฯ 2569 ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพรบ.งบฯ 2569 ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรมว.คลังเป็นประธานกมธ.ฯ ที่มีการจัดทำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ไว้ในเอกสารร่างพรบ.งบฯ 2569 ที่เสนอต่อสภาฯ ไว้ครบทุกหน่วยงาน
ปรากฏว่า กมธ.งบฯ ที่มีตัวแทนจากเกือบทุกพรรคการเมืองในสภาฯ ได้สรุปรายงานข้อสังเกตไว้ในเอกสารดังกล่าว ถึงหน่วยงานด้านศาล ที่สำคัญสองหน่วยงาน คือสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจคือ ในส่วนของสำนักงานศาลยุติธรรม กมธ.งบฯ มีข้อสังเกตและให้ข้อเสนอแนะต่อศาลยุติธรรมเช่น ควรปรับปรุงหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.)โดยการแบ่งประเภทผู้เข้าอบรมอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันการใช้หลักสูตรดังกล่าวสร้างระบบอุปถัมภ์ และเครือข่ายพวกพ้องซึ่งอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการพิพากษาคดีที่อาจนำไปสู่ความไม่โปร่งใสและลดทอนความเป็นธรรมในระบบยุติธรรม
ควรปรับปรุงระบบการสอบผู้พิพากษาให้มีความเท่าเทียมและมาตรฐานเดียวกันสำหรับผู้เข้าสอบในทุกสนาม ทั้งผู้ที่จบการศึกษาภายในประเทศและต่างประเทศเนื่องจากปัจจุบันระดับความยากของข้อสอบและกระบวนการสอบมีความแตกต่างกัน-หน่วยงานควรทำสรุปคำพิพากษาที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายสำหรับประชาชนเนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่ายจะช่วยลดความสับสนและป้องกันความคลาดเคลื่อนในการตีความนอกจากนี้ ควรเพิ่มความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุดกรมราชทัณฑ์ กรมบังคับคดี ในการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดปัญหาการดำเนินการที่ล่าช้าและส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรวม
หน่วยงานควรทบทวนค่าธรรมเนียมการดำเนินคดีให้เหมาะสมกับประชาชนเนื่องจากค่าธรรมเนียมที่มากเกินไปอาจเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชนนอกจากนี้ ควรเพิ่มความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุดกรมราชทัณฑ์ กรมบังคับคดี ในการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดปัญหาการดำเนินการที่ล่าช้าและส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรวม-วรปรับปรุงระบบการคืนเงินวางศาลในคดีฟ้องร้องให้มีความรวดเร็วและโปร่งใส เนื่องจากปัจจุบันการเรียกคืนเงินหลังคดีสิ้นสุดมักล่าช้า ส่งผลให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับความเดือดร้อนและเสียความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม-ควรปรับปรุงระบบการคืนเงินวางศาลในคดีฟ้องร้องให้มีความรวดเร็วและโปร่งใส เนื่องจากปัจจุบันการเรียกคืนเงินหลังคดีสิ้นสุดมักล่าช้า ส่งผลให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับความเดือดร้อนและเสียความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่ในส่วนของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กมธ.ฯ มีข้อเสนอว่า หน่วยงานควรสร้างความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรให้เข้าถึงและได้รับการยอมรับจากประชาชนให้มากขึ้น-ควรหาแนวทางในการสร้างความกระจ่างแก่ประชาชนเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาล โดยเฉพาะกรณีที่มีความซับซ้อนหรืออาจนำไปสู่การตีความที่แตกต่างกันซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและความขัดแย้งในสังคม โดยควรมีการอธิบายคำวินิจฉัยในรูปแบบที่ประชาชนเข้าใจง่ายเพื่อป้องกันความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างความเข้าใจและเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม
ควรเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆร่วมกับกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามเพื่อสะท้อนความคิดเห็นที่แท้จริงของประชาชนทั้งหมด หน่วยงานจะได้รับข้อมูลเพื่อใช้สำหรับการตัดสินใจที่ครบถ้วน และถูกต้องตามเสียงส่วนรวมทั้งนี้ การเปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวางจะช่วยให้ตุลาการได้รับข้อมูลที่หลากหลายและสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อประกอบการพิจารณาอย่างรอบด้านและเป็นธรรมมากขึ้น