ทีมแพทย์รพ.จุฬาภรณ์ คาดคนไทยมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี กว่า 3 ล้านคน เสี่ยงเป็นมะเร็งตับ
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นพ.ดำรงค์ สุกิจปัญญาโรจน์ รองผอ.รพ.จุฬาภรณ์ กล่าวในการเปิดกิจกรรม Let’s break it down รู้เร็ว รักษาไว ป้องกันได้….ลดมะเร็งตับ และบริการวิชาการสุขภาพและบริการทางการแพทย์เนื่องในวันตับอักเสบโลก (World Hepatitis Day) ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเจริญพระชันษา 68 ปี วันที่ 4 ก.ค. 2568 ว่า ขณะนี้คาดการณ์มีคนไทยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ประมาณ 2–3 ล้านคน และติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ประมาณ 350,000 ราย ทั่วประเทศ ซึ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 95% ส่วนไวรัสตับอักเสบซีนั้นมียารักษาให้หายขาดได้ 99% ใช้เวลาเพียง 8-12 สัปดาห์ นับเป็นความหวังที่จะบรรลุเป้าหมายในการกำจัดไวรัสตับอักเสบให้ได้ในปี 2573 ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลกและประเทศสมาชิก รวมถึงประเทศไทย
นพ.วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร หัวหน้างานอายุรกรรมทางเดินอาหาร แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า ปี 2022 มีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีเรื้อรัง สะสมประมาณ 300 ล้านคน แบ่งเป็นไวรัสตับอักเสบบีประมาณ 250 ล้านคน พบผู้ป่วยรายใหม่กว่า 2 ล้านรายต่อปี พบบ่อยในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนและไทย คาดว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังอยู่ประมาณ 2-4% ของประชากรไทย อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน และไวรัสตับอักเสบซีอยู่ที่ประมาณ 0.3-0.6% หรือประมาณ 300,000 กว่าคน สำหรับแนวทางการกำจัดไวรัสตับอักเสบบี โดยองค์การอนามัยโลกตั้งเป้าลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลง 90% ลดอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสตับลง 65% ลดทุกอุปสรรคทางสังคม ระบบการเข้าถึงการป้องกัน คัดกรอง และการรักษา แนวทางสำคัญคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรค
พญ.อัญญา เกียรติวีระศักดิ์ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า ไวรัสตับอักเสบบีมีความแข็งแรงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน ก่อโรคตับอักเสบชนิดบีทั้งแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ในระยะยาว ทั้งนี้ไวรัสอักเสบตับบีประมาณ 90% ติดจากแม่สู่ลูกตอนคลอด แต่ก็สามารถมาติดตอนโตได้ ผ่านเลือดและสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ โดยการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน การใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกัน การรับเลือด หรือการปลูกถ่ายอวัยวะ สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อหรือถ้ายังไม่มีภูมิคุ้มกัน ขอแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต โดยเฉพาะผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่มีการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีในเด็กแรกเกิดอย่างทั่วถึง
พญ.กันต์สุดา ปัญจชัยพรพล ผู้ช่วยผอ.รพ.จุฬาภรณ์ และแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า ผู้ที่จะควรได้รับวัคซีนไวรัสตับบี ได้แก่ ทารกแรกเกิด ผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน หรือไม่มีภูมิคุ้มกัน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกับผู้ติดเชื้อไวรัสบี ผู้ที่ต้องรับเลือดบ่อย ผู้ป่วยเบาหวาน, ไตวาย, หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้น โดยจะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม หลังฉีดเข็มแรกเสร็จแล้ว อีก 1 เดือนให้ฉีดเข็มที่สอง จากนั้นอีก 6 เดือนหลังเข็มแรกให้นับเป็นเข็มที่สาม เมื่อครบ 3 เข็มจะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ถึง 95% เฉลี่ยเข็มละ 300 บาท.