กำแพงเพชร ประชุมคกก.แผนแม่บทด้านการต่อต้านทุจริตฯ อบต.เทพนิต คว้าแชมป์ ITA
ที่ห้องประชุมซุ้มกอชั้น4 ศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ ผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของจังหวัดกำแพงเพชร โดยมีนายณัฏฐกิตต์ สุหจิตติกุล ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดกำแพงเพชร หัวหน้าส่วนราชการและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ซึ่งการประชุม ในวันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทของจังหวัดกำแพงเพชร ด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติปากคลองสวนหมากและป่าคลองขลุง ซึ่งเกิดจากการร้องเรียน บางแห่งได้มีการจัดตั้งเป็นสถานที่พักและบริการท่องเที่ยวในเขตอำเภอเมืองจังหวัดกำแพงเพชร และผลเป็นการลงพื้นที่สังเกตการณ์โครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐตามโครงการป้องปรามและลดคดีทุจริตในพื้นที่ ระหว่างไตรมาส1-3 ของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งที่ผ่านมาที่ประชุมมีมติให้สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมีหนังสือกำชับองค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรเพื่อป้องปรามและลดความเสี่ยงการทุจริตในพื้นที่เป็นเบื้องต้นแล้ว
นายชาธิป กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้สำนักงานป.ป.ช.ได้ช่วยเข้มงวดกวดขันดูแลเรื่องของการป้องกันการทุจริตของหน่วยงานภาครัฐ อปท.ให้มากขึ้น แม้จากสถิติที่ผ่านมาเรื่องของผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ(ITA) ประจำปี ซึ่งพบว่าหน่วยงาน อปท.ที่เข้าร่วมการประเมินของจังหวัดกำแพงเพชรจาก 91 แห่งผ่านเกณฑ์ 85 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 93.41 มี “องค์การบริหารส่วนตำบลเทพนิมิต” ผ่านระดับดีเยี่ยม อันดับที่หนึ่งคะแนนITA คือ 99.99 ก็ตาม โดยภาพรวมก็อยากให้มีการกำชับผู้บริหารหรือหัวหน้าหน่วยงานได้ให้ความสำคัญในเรื่องการรักษามาตรฐานดังกล่าวให้มากขึ้น รวมถึงการชี้แจงบัญชีรายละเอียดตรวจสอบทรัพย์สินโดยเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการจะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากข้อกฎหมายดังกล่าว
ส่วนเรื่องการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการใช้ประโยชน์ของที่ป่าสงวนแห่งชาติปากคลองสวนหมากและป่าคลองขลุง ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สหกรณ์จังหวัดและกรมป่าไม้ซึ่งถือข้อกฎหมายกันคนละฉบับได้เร่งติดตามผลที่ สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีมากกว่า100,000 ไร่ที่ประชาชนอาศัย เป็นที่อยู่อาศัยและทำกิน ดังกล่าวเกิดจากช่องว่างของข้อกฎหมาย ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวเร่งลงไปดำเนินการ ได้ผลเช่นไรขอให้รายงานจังหวัดและคณะกรรมการได้รับทราบต่อไป