อธิบดีดีเอสไอ จ่อดำเนินคดี พยานจังหวัดบุรีรัมย์ คดีฮั้วสว.-ฟอกเงิน หากขัดหมายเรียกครั้งที่2
อธิบดีดีเอสไอจ่อดำเนินคดีพยานจังหวัดบุรีรัมย์ คดีฮั้ว-ฟอกเงิน สว. หากยังขัดหมายเรียกพยานครั้งที่ 2 ไม่ให้ความร่วมมือเข้าให้ปากคำดีเอสไอ แย้ม หากสอบพยาน 1,200 เสร็จสิ้น ได้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อสำนวน เตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหา กรณีรู้เห็นขบวนการจัดฮั้ว ฮว. ยืนยันเร่งทำสำนวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ด้านรายงานภายในคณะพนักงานสอบสวนฯ ร่อนหมายพยานเพิ่มอีก 480 ราย
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. จากกรณีเมื่อวันที่ 15 ส.ค. คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบความคืบหน้าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีคดีพิเศษที่ 24/2568 การสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ซึ่งเป็นความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.68 จนถึงปัจจุบัน
โดยที่ผ่านมาได้มีการสอบพยานที่เกี่ยวข้องไปทั้งสิ้น 90 ปาก มีการจัดทำเหตุการณ์จำลองทั้งสถานที่ใช้ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และกระบวนการคัดเลือกพร้อมขอรับภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุจากหลายหน่วยงาน มีการตรวจสอบร่องรอยทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน 1,200 คน ทั้งนี้ เพื่อพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ของกลุ่มขบวนการได้มีการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์
จากข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาเกี่ยวข้องในพื้นที่ 45 จังหวัด เป็นเหตุให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมออกหมายเรียกผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอีก 1,200 ราย เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในฐานะพยาน และเนื่องด้วยทางคดีมีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก อธิบดีฯ จึงได้มอบหน่วยงานภายในสังกัดรวม 10 กองคดีที่เป็นคณะพนักงานสอบสวน เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้าว่า สำหรับกรณีที่พยานคดีฮั้ว สว. ขัดหมายเรียกพยาน ไม่มาให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนนั้น ก็ต้องดูเจตนาเป็นราย ๆ ว่ามีความจงใจขัดหมายเรียกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เราได้มีการส่งพนักงานสอบสวนลงไปในแต่ละพื้นที่เพื่อสอบสวนปากคำพยานให้ครอบคลุมทุกจังหวัด และเราก็มีรายชื่อพยานถึง 1,200 รายที่เป็นกลุ่มที่เชื่อว่าจัดตั้งขึ้นมาให้มีการไปสมัครวุฒิสภา (สว.) แต่กลับไม่ได้ลงคะแนนให้ตัวเองแล้วไปเลือกบุคคลที่จัดตั้งขึ้น อย่างไรก็ดี ก็ยังมีพยานบางรายที่ให้การเป็นประโยชน์
ส่วนกรณีหมายเรียกพยานในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ที่มีการเชิญสอบสวนปากคำ แต่กลับไม่มีใครยินยอมเข้าพบพนักงานสอบสวนเลยสักรายนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เราก็คงมีมาตรการที่จะดำเนินการเรื่องขัดหมายเรียกพยาน แต่ถึงอย่างไรขอให้มีการประชุมของคณะพนักงานสอบสวนก่อน โดยหมายเรียกพยานไม่ได้จำกัดจำนวนครั้งในการออก ซึ่งหากไม่มาให้การในฐานะพยานก็ถือว่าเป็นการขัดหมายเรียก
แต่ถ้าบุคคลนั้นเป็นผู้ต้องหาก็เป็นเหตุให้ขอศาลออกหมายจับได้ ส่วนกรอบระยะเวลาในการทำสำนวนคดี คณะพนักงานสอบสวนจะเร่งดำเนินการอย่างเร็วที่สุด เพราะจำนวนพยาน 1,200 ราย หากให้การเป็นประโยชน์ก็จะได้พิจารณาเรียกบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาการกระทำความผิด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่รู้เห็นในกระบวนการฟอกเงิน ฮั้ว สว.
รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งว่า การสรุปยอดหมายเรียกพยานคดีฮั้ว สว. 5 จังหวัดสำคัญในภาคอีสาน เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนหมายเรียกพยานทั้งสิ้น 72 ราย โดยมาเข้าพบพนักงานสอบสวนให้การเพียง 18 ราย แบ่งเป็น จ.บุรีรัมย์ จำนวน 24 ราย ปรากฏว่าไม่มีพยานรายใดเข้าพบพนักงานสอบสวน ส่วนจ.นครราชสีมา จำนวน 2 ราย ปรากฏว่ามาเข้าพบพนักงานสอบสวนครบ
ขณะที่ จ.ชัยภูมิ มีการออกหมายเรียกไป 4 ราย ทราบว่ามีการขอเลื่อน ส่วน จ.อุบลราชธานี มีการออกหมายเรียกไป 10 ราย มาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพียง 5 ราย ส่วน จ.อำนาจเจริญ มีการออกหมายเรียก 32 ราย มาให้ปากคำเพียง 11 ราย
ทั้งนี้ ในกรณีขอหมายเรียกพยานกลุ่มแรกนั้น หากมีหมายเรียกครั้งที่ 2 แล้วยังคงไม่ให้ความร่วมมือเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนตามสถานที่กำหนด และไม่มีการแจ้งขอเลื่อนให้พนักงานสอบสวนรับทราบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีในส่วนของการขัดหมายเรียกพยาน นอกจากนี้ ในห้วงสัปดาห์นี้คณะพนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกพยานเพิ่มอีก 480 ราย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อธิบดีดีเอสไอ จ่อดำเนินคดี พยานจังหวัดบุรีรัมย์ คดีฮั้วสว.-ฟอกเงิน หากขัดหมายเรียกครั้งที่2
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th