“บิ๊กเต่า” ร้อง กมธ.ตำรวจ ขอความเป็นธรรมแต่งตั้งโยกย้าย 2568
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 28 สิงหาคม 2568 เวลา 23.02 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทรัฐสภา 28 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ร้อง กมธ.ตำรวจ ขอความเป็นธรรม ก.ตร. ทบทวนการแต่งตั้งโยกย้าย 2568 แฉคนได้รับแต่งตั้งใกล้ชิดนาย บอกพลีชีพยอมเป็นหนังหน้าไฟ สู้กับความถูกต้อง ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง หวังให้ความเป็นธรรมเปลี่ยนแปลงวงการตำรวจ เล็งยื่น 157 ต่อ รอผลก่อน ด้านประธาน กมธ. รับลูกนำเข้าที่ประชุม 4 ก.ย.นี้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเข้ายื่นหนังสือต่อ นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมกับการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2568 หลังจากที่ได้ร้องเรียนต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการตำรวจ ให้เป็นไปในแนวทางที่ชอบธรรม โดยยืนยันว่า การยื่นร้องเรียนดังกล่าว ไม่ได้เพื่อสร้างความแตกแยกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ขอเป็นตัวแทนของผู้ที่ถูกลิดรอนสิทธิ์ เพื่อให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ได้ทบทวนแนวความคิด การปฏิบัติ ที่อดีตในช่วงการรัฐประหาร ไม่มีพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ เกิดความเหลื่อมล้ำการแต่งตั้งโยกย้าย โดยใช้ดุลยพินิจ แต่เมื่อมีพระราชบัญญัติตำรวจฯ แล้ว ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อความเป็นธรรม และยกระดับมาตรการการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อเป็นคุณ และเป็นธรรม แก่ผู้ที่ทำงานโดยตรง เพราะเมื่อก่อนใช้ระบบอุปถัมภ์ แต่กฎหมายมีเจตนารมณ์ ใช้ทั้งคุณสมบัติและอาวุโส และความรู้ความสามารถร่วมกัน ซึ่งหากใช้เพียงดุลยพินิจ ก็อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายได้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำว่าไม่ต้องการสร้างความแตกแยกไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เจตนารมณ์ต้องการให้คนที่ทำงาน ได้รับขวัญและกำลังใจในการที่จะมาพิจารณาเรื่องของความรู้ความสามารถ เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีที่มีกติกาออกมาแล้วถ้าไม่ปฏิบัติหรือเลือกปฏิบัติและผลสัมฤทธิ์ออกมา บ่งบอกถึงการไปใช้ดุลยพินิจ มันอาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ในฐานะที่ดูแลงานทุจริต เคยเป็นผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติไม่ชอบ ดูแลเรื่องทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง มองว่าการ กระทำที่เกิดขึ้นหมิ่นแม่ ต่อกฎหมาย ขอให้คณะกรรมการก.ตรให้ความเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วนเสมอเหมือนกัน
“จะอยู่กันแบบเช้าชามเย็นชามมีพี่มีเพื่อนมีน้องหลายคน ที่เข้ามาพบ และบอกว่า ยกตัวอย่าง อีกหลายคนที่มีฝีไม้ลายมือ ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง น้องๆที่กำลังจะโตขึ้นในวันข้างหน้าเป็นดาวรุ่ง จะทำไปทำไม ในเมื่อไม่ได้พิจารณาเรื่องผลงานความรู้ความสามารถ มันส่งผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ต้องกลัวว่าประชาชนจะได้ หลักการความเป็นธรรมจะต้องมาจากข้างบนก่อน แล้วมาสู่ข้างล่าง ดังนั้นผมมาวันนี้ อยากจะมาแก้ไของค์กรตัวเองด้วย ยืนยันไม่ได้ไม่เป็นไรแต่ถ้าผมไม่ลงชื่อร้องจะกลายเป็นบัตรสนเท่ห์ ผมมาเป็นตัวแทนของพี่ๆน้องๆหลายคน เพื่อสะท้อนไปถึงคณะกรรมการก.ตร. ให้เป็นไปตามกฎหมายพ.ร.บ. ที่กำหนดไว้ไม่ได้หวังสร้างความเสียหาย หรือป่วน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขอให้กรรมาธิการการตำรวจฯนำเรื่องนี้ไปพิจารณา อยากให้พ.ร.บ. นี้เป็นเครื่องการันตีให้เจ้าหน้าที่ทั่วประเทศที่ถูกฤทธิ์รอนสิทธิ์ได้รับสิทธิ์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ให้แข่งกันที่การทำงานและแข่งกันทำความดีให้พี่น้องประชาชน ใครที่เทาๆดำๆ ก็ต้องมีการพิจารณาว่าไม่ควร หรืออย่างไร มันมีหลักเกณฑ์หลายอย่าง ขอให้กรรมาธิการการตำรวจดูเรื่องนี้ด้วย
นางสาวสุณัฐชา กล่าวว่าเรื่องนี้มีหนังสือร้องเรียนมายังกรรมาธิการบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นจากภาคประชาชน หรือทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของกรรมาธิการการตำรวจอยู่แล้ว ที่จะต้องติดตามปัญหาและหยิบยกประเด็น ขึ้นมาพิจารณาโดยใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร เป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปวงการตำรวจ และทำให้เกิดความชอบธรรม เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นกรณีนี้ กรรมาธิการยินดีพร้อมรับฟังและจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากรรมาธิการได้มีการประชุม แล้วมีมติว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในการประชุมนัดถัดไป จะมีการพิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้าย สับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งในภาพรวมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติให้กรรมาธิการออกหนังสือเชิญ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล เข้าชี้ เข้าร่วมชี้แจงต่อ กรรมาธิการพฤหัสบดี4 ก.ย. เพื่อเป็นกลไกให้กระจ่างชัด แน่นอนการโยกย้ายตำรวจครั้งนี้เป็นที่จับตามองของสังคมและคาดหวังได้คำตอบจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยคำตอบอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา เพราะเชื่อว่าทุกคนอยากจะเห็น การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่าได้เห็นข้อมูลข้อเท็จจริงจากการกลั่นกรองบอร์ดชุดเล็ก และเห็นแล้วว่าคนที่ได้รับการแต่งตั้ง เป็นคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจ เพราะก่อนจะมีการประชุมก.ตร. 3 วันจะมีการส่งรายชื่อ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ก.ตร.ทุกท่าน ดังนั้นเราได้ดูแล้ว ผลที่ออกมาคือผลสัมฤทธิ์ มีการชะลอคำสั่ง คนที่ได้กลับไม่ได้เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถในสายตาของตำรวจทั่วไป มีหลายคนที่ร้องแรกแหกกระเชอแต่ไม่กล้าออกมา เรากลัวนายจ้องกลัวนายเล่นงาน แต่ตนเหมือนหนังหน้าไฟ เราสู้กับความถูกต้อง ที่ออกมาไม่ได้มีเจตนา มันเป็นสิทธิ์ของประชาชนหรือข้าราชการที่จะมาร้องขอความเป็นธรรม ที่สามารถทำได้ การร้องครั้งนี้ไม่ได้พูดถึงตัวเองแต่พูดถึงผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด
“มีคนเก่ง ทำไมไม่เอาเขามาพิจารณา ไม่จำเป็นต้องมาถึงผมแน่นอนผมพลีชีพไว้แล้วที่จำเป็นต้องออกมาครั้งนี้ไม่ต้องกลัวผมคนจริง แก้ไขปัญหาในงานมาเยอะ สร้างความเปลี่ยนแปลงมาเยอะ พระก็เปลี่ยนแล้ว ตอนนี้จะมาเปลี่ยนตำรวจ มาดูตำรวจสิว่ามีกฎหมายแล้วต้องใช้กฎหมาย เป็นตัวขับเคลื่อน อย่าเทไถ งอแงแบบนี้ไม่เอา ตำรวจชอบเถลไถลออกนอกแนวรันเวย์ อยากให้ ผู้บังคับบัญชา ตั้งสติ ถ้ามีคุณธรรมรู้จักคำว่าให้กับลูกน้อง ลูกน้องก็จะให้กับพี่น้องประชาชนเอง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้หากผลการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปตามโผจะร้องศาลปกครองหรือไม่นั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยังไม่ยืนยัน แต่เห็นว่า หากเป็นไปตามโผจริง แสดงว่า ความผิดสำเร็จแล้ว อาจเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้ เพราะทำงานเรื่องนี้ แล้วคุยหลายรอบ การเข้าฐานความผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ต้องดูผลที่ออกมาด้วย เข้าหรือไม่เข้าเดี๋ยวว่ากันศาลปกครองไว้ทีหลัง แต่เราจะพิจารณาอย่างไรขอดูก่อน.-319.-สำนักข่าวไทย