อนาคตน่าเป็นห่วง
The Bangkok Insight
อัพเดต 29 ส.ค. เวลา 07.21 น. • เผยแพร่ 29 ส.ค. เวลา 07.21 น. • The Bangkok Insightอนาคตน่าเป็นห่วง
การเมือง และ ความตึงเครียดชายแดน ถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ฉุดให้กิจกรรมต่างๆชะงัก แต่ที่สุด ก็จะผ่านพ้นและพบกับสิ่งที่ดีกว่า
ที่น่าห่วง คือ อนาคตเศรษฐกิจ การลงทุนอุตสาหกรรมของประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติและรัฐบาลที่ผ่านมาวางทิศทางพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต 10 รายการ ที่ทำรายได้สูง เพื่อข้ามผ่านกับดักรายได้ปานกลางขั้นต่ำที่เราย่ำอยู่40กว่าปีแล้ว
10 อุตสาหกรรมนั้น แบ่ง 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ (First S-curve) ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 2) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4) การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 5) อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร
อีก 5 อุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve) ประกอบด้วย 1) อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 2) อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ 3) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 4) อุตสาหกรรมดิจิทัล 5) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร
เหล่านี้ฟังดูดี ทำแล้วประเทศคงอู้ฟู่มั่งคั่งร่ำรวย ปัญหาอยู่ที่ใครจะลงทุน เพราะต้องมีพื้นฐานรองรับเช่นงานวิจัย บุคลากร แหล่งบริการ สาธารณูปโภคที่ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals = SDG) ที่สหประชาชาติกำหนด
ปัจจุบันสถาบันอุดมศึกษาสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี จัดตั้งคณะเปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตร์ประยุกต์ข้ามศาสตร์ เช่น วิศวกรรมการแพทย์ (Biomedical Engineering) และ ชีวการแพทย์ (Biomedical Science) เพื่อสร้างบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประกาศวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินงานในวาระที่ 2 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา กล่าวถึงการร่วมพัฒนาศักยภาพของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เด่น ๆ ได้แก่ การทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข นำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา สู่ การแพทย์แม่นยำ ทั้งการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลกลางการแพทย์ (Medical AI Data Platform) การพัฒนา AI สำหรับการวินิจฉัยโรคจากภาพถ่ายทางการแพทย์ โดยรวบรวมภาพถ่ายทางการแพทย์แล้วกว่า 2.2 ล้านภาพ ครอบคลุม 8 กลุ่มโรคสำคัญ เช่น โรคทรวงอก มะเร็งเต้านม และโรคตา เพื่อพัฒนาเอไอช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
หรือโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย (Genomics Thailand) นำข้อมูลจีโนม มาพัฒนาการวินิจฉัยรักษาคนไทยที่แม่นยำ ประหยัดค่าใช้จ่าย ป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ
มีรายงานว่า ตลาดการแพทย์แม่นยำทั่วโลกกำลังขยายตัว โดยภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีวี่แววจะเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด
ด้านอุตสาหกรรม พัฒนาแพลตฟอร์มเพิ่มคุณภาพการผลิต สนับสนุนผู้ประกอบการไทยยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 แบบครบวงจร โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย อุตสาหกรรม ภาคเอกชน นักนวัตกร ทำงานร่วมกันในศูนย์นวัตกรรมเพื่อการผลิตที่ยั่งยืน (SMC) ในการพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการ โรงงานต่าง ๆ ได้ใช้ประโยชน์จากศูนย์ SMC ทั้งในรูปแบบการสาธิต การเรียนรู้และการทดลองปฏิบัติ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ พัฒนาสู่โรงงานอัจฉริยะ เป็นต้น
การลงทุนพัฒนาของ สวทช.ที่ยกมากล่าวพอสังเขป เพื่อให้เห็นรูปธรรมการเตรียมการรองรับสำหรับการลงทุนที่จะมีขึ้น
พร้อมกันได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อนำมาใช้สอนนักเรียนมัธยมด้วย AI และใช้ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ช่วยให้เด็กไทยเรียนรู้ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เห็นได้ว่าหน่วยราชการเริ่มปรับตัวสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพแห่งอนาคตควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรและระบบการศึกษา เพื่อเตรียมแรงงานรุ่นใหม่ตอบสนองความต้องการในอนาคต
แต่ก็ยังมีความขัดแย้งอยู่ในตัว กล่าวคืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต มีความต้องการบุคลากรที่มีพื้นฐานทักษะด้านเทคนิค เช่นวิศวกรรมเครื่องกลและไฟฟ้า ทักษาทางด้านการเขียนโปรแกรม ความเชี่ยวชาญปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงทักษะพื้นฐานของมนุษย์ เช่นการคิดเชิงวิเคราะห์ การสร้างสรรค์นวัตกรรม ความพร้อมในการทำงานกับ AI ซึ่งทราบกันดีว่ายังมีไม่เพียงพอ
ปัญหาความสามารถการลงทุน ขณะที่หนี้ครัวเรือนยังสูง ซึ่งจะเป็นตัวจำกัดการบริโภคและการลงทุนจากภาคเอกชน ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี ที่มีกลุ่มประชากรที่ยังเข้าไม่ถึงหรือใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้ไม่เต็มที่ ทำให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไมครอบคลุม
ที่สำคัญ ขาดความไม่ต่อเนื่องของนโยบาย
ถ้าการเปลี่ยนแปลงการเมืองเกิดอีกครั้งในสองสามวันข้างหน้า สิ่งที่เริ่มพัฒนาไปแล้ว จะสะดุดหรือถูกจับแช่แข็งไว้อีกอย่างไรก็
ลุ่มๆ ดอนๆ ไปนะ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
ติดตามเราได้ที่