โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

แรงงานกัมพูชาไหลออก 3 แสน ทดแทนด้วยแรงงานอื่นได้จริงไหม กระทบนายจ้างไทยอย่างไร ?

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
สถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาทำให้แรงงานกัมพูชาอาจถึง 3 แสนคนเดินทางกลับประเทศ สร้างผลกระทบหนักต่อภาคเกษตร โดยเฉพาะในจันทบุรี ตราด และชลบุรี นายจ้างระบุแรงงานชาติอื่นไม่สามารถทดแทนได้ง่ายเพราะทักษะและความคุ้นชินงานต่างกัน ขณะเดียวกันแรงงานที่กลับจำนวนมากไม่เต็มใจ แต่ขาดความมั่นใจด้านความปลอดภัยและได้รับแรงกดดันจากครอบครัว ฝ่ายนายจ้างและองค์กรด้านแรงงานข้ามชาติเสนอให้รัฐสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งนายจ้าง และแรงงานที่จะกลับมาอีกครั้ง

จากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เราเห็นภาพชาวกัมพูชาขนของกลับประเทศเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงข่าวจากทางฝั่งกัมพูชาว่ามีคำขู่ต่างๆ กับชาวกัมพูชาที่อาศัยในไทย ทำให้หลายคน โดยเฉพาะแรงงานเลือกกลับประเทศ จนมีการพูดถึงว่าหากขาดแรงงานในส่วนนี้ หลายภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบ

วันที่ 6 สิงหาคม 2568 สมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า แรงงานกัมพูชากลับประเทศแล้วกว่า 19,000 คน มีนายจ้างบางส่วนได้รับผลกระทบ ซึ่งได้เตรียมหารือช่วยเหลือผู้ประกอบการ และสามารถหาแรงงานทดแทน

แต่ถึงอย่างนั้น กลุ่มที่ทำงานกับนายจ้าง และเจ้าของกิจการที่ใช้แรงงานกัมพูชากลับให้สัมภาษณ์กับ TNN Online ว่า แรงงานกัมพูชาที่กลับ และออกจากงานมีมากกว่านั้น และต้องการให้กระทรวงแรงงาน หรือรัฐบาลหาทางออก เพื่อเยียวยาด้วย

นิลุบล พงษ์พยอม กลุ่มนายจ้างสีขาว หรือกลุ่มนายจ้างที่ใช้แรงงานต่างชาติ บอกกับเราว่า จากการสำรวจ และพูดคุยกับนายจ้าง ตัวเลขแรงงานที่กลับประเทศนั้นมากกว่า 1.9 หมื่นที่รัฐประกาศไว้แน่นอน มีแนวโน้มว่าตัวเลขแตะที่ 3 แสนคน ซึ่งกระทบไปในกิจการหลายประเภท โดยนายจ้างล้วนแต่ชี้ว่า เกือบ 80-90% ของแรงงานกัมพูชาออกไปแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะเดินทางออกเพิ่มด้วย

“ตอนนี้ ผู้ประกอบการก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แทบไม่มีนายจ้างที่พูดว่า แรงงานกัมพูชายังอยู่ครบ มีแค่ว่ากลับมาก กลับน้อย และกำลังจะกลับเพิ่ม” นิลุบนกล่าว

อดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (MWG) เปิดเผยในการยื่นหนังสือถึงกระทรวงแรงงานเช่นกันว่า แม้แรงงานส่วนใหญ่จะไม่มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลกัมพูชาเรื่องการจัดให้แรงงานที่เดินทางกลับบ้านมีตำแหน่งงานที่เพียงพอและค่าตอบแทนที่เพียงพอต่อการยังชีพหาก แต่ขณะเดียวกันแรงงานก็ไม่มีความมั่นใจที่จะอยู่ในประเทศไทยด้วยเนื่องจากขาดการสื่อสารจากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับรองหรือมาตรการความปลอดภัยให้แรงงาน

ด้านผู้ประกอบการ เจ้าของสวนทุเรียน ในจังหวัดจันทบุรีเอง ก็สะท้อนว่า สำหรับสวนของเธอนั้น แม้จะไม่ได้ใช้แรงงานชาวกัมพูชาทั้งหมด แต่ตอนนี้แรงงานชาตินี้ ก็ได้กลับไปทั้งหมดแล้ว “เขากลับตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ก่อนที่จะมีข่าวว่าจะมีการแบบยึดที่ดินอะไร ตอนกลับเขาก็ไม่ได้ให้ให้เหตุผล เขาบอกแค่ว่าพ่อแม่เขาให้กลับ แต่พอเขากลับไปแล้ว ข่าวมันก็เริ่มไหลมาว่า จะมีการตรวจชื่อ จะมียึดที่ดิน ถอนสัญชาติด้วย”

เธอเล่าว่า จากการทำธุรกิจสวนทำให้มีประสบการณ์ที่แรงงานกัมพูชากลับประเทศบ่อยครั้ง จึงได้ลดความสำคัญของการจ้างแรงงานชาตินี้ลง และใช้แรงงานส่วนอื่นทดแทน “คนกัมพูชาเขาอ่อนไหวกับข่าวลือง่าย เหมือนถ้าที่บ้านเขาโทรมาให้กลับ เขาก็จะกลับทันที ไม่สนหน้างานอะไรเลย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เป็นบ่อย เราเลยปรับลดความสำคัญ และจ้างงานชาติอื่นชดเชยด้วย เพื่อที่ว่าเราเองจะได้ไม่ได้เดือดร้อนมากเวลาเขากลับบ้าน เราใช้เป็นวิธีชดชดเชยแรงงานลาวกับแรงงานพม่า หรือว่า เป็น outsource เลย ที่เข้ามาเหมาตัดแต่งกิ่ง และตอนนีก็มีธุรกิจโดรนเกษตร ช่วยในการพ่นยา คือทางเลือกเราก็มีมากขึ้น”

การชดเชยนี้ ทำให้สวนทุเรียนแห่งนี้ ได้รับผลกระทบปานกลาง แต่เธอก็ยอมรับว่า แรงงานกัมพูชานั้นก็ถือว่าเป็นกำลังสำคัญของภาคเกษตรกร โดยเฉพาะในภาคตะวันออก ในจังหวัดจันทบุรี และตราด เพราะสวนอื่นๆ นั้นต่างก็ใช้แรงงานกัมพูชาทั้งหมด “โดยส่วนมาก เขาจะใช้ชาวกัมพูชาเยอะมาก เพราะว่าติดต่อง่าย เราไปที่จัดหางานได้ง่ายที่ด่านบ้านแหลมที่คัดเลือกแรงงาน ความเข้าถึง สะดวกกับทั้งเราและกัมพูชา” เธอเล่า

ด้านเจ้าของสวนปาล์มน้ำมันและยางพารา ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งจ้างงานชาวกัมพูชาทั้งหมดนั้น บอกกับเราว่า ที่สวนของเธอ จ้างชาวกัมพูชาทั้งหมด 11 คน แต่ตอนนี้เดินทางกลับไปแล้วเพียง 1 คน ส่วนที่เหลือรอดูสถานการณ์ และยอมทะเลาะกับทางบ้านที่กัมพูชาเพื่อที่จะอยู่ไทยต่อ

“จริงๆ ตอนนี้ ทางบ้านเขาตามกลับหนักมาก แล้วเขาต้องทะเลาะกับพ่อแม่ด้วย ที่ไม่ยอมกลับ เพราะเพื่อนฝูงชาวคนกัมพูชาคนอื่นๆ ทยอยกลับกันทุกวัน ตอนนี้เขาเลยรอดูสถานการณ์ว่าจะสงบลงไหม เขาไม่อยากกลับ เพราะเขารู้ว่ากลับไปไม่มีงานทำ แต่ตอนนี้เขาก็กลัว เพราะก็มีเพื่อนเล่าให้ฟัง มีคนที่โดนนายจ้างข่มขู่ พูดจาไม่ดี โกรธแค้นคนชาติเขา ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาไม่เกี่ยว แต่ก็ทนอยู่ไม่ไหวจริง”

นายจ้างรายนี้เล่าว่า เธอโชคดีที่ลูกจ้างยังอยู่แม้จะกลัว แต่สวนของเพื่อนหลายคน คนงานกลับหมดทั้งสวน ต้องมาขอยืมแรงงานของเธอเช่นกัน เพราะปาล์มต้องตัดเดือนละครั้ง หรือร้านค้าบางแห่งที่เธอเห็นในจังหวัด เจ้าของร้านแทบจะต้องปิดร้าน เพราะลูกน้องชาวกัมพูชากลับหมดแล้ว ทำให้ทำงานไม่ไหวเมื่อไม่มีคนช่วยงาน

เธอเห็นได้ว่า แรงงานกัมพูชามีการทยอยกลับ ไหลออกเรื่อยๆ ด้วย ทั้งแรงงานกัมพูชาหลายคนที่กลับไปนั้น ไม่ได้อยากกลับ และยอมทิ้งทรัพย์สินหลายอย่างเพื่อกลับไป และนี่ไม่ใช่แค่การกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่เป็นการกลับแบบที่ไม่รู้อนาคตเลยด้วย

“ของเราตอนนี้ก็ยังไม่ถึงกับกระทบ เราพยายามคุยกับคนงานเรา เราต่างรู้ว่าถ้าเขากลับไปทั้งสองฝ่ายก็ลำบาก ก็พยายามให้กำลังใจกันว่า เดี๋ยวก็น่าจะสงบลง”

กลุ่มนายจ้างสีขาวชี้ว่า ตอนนี้แรงงานต่างกลับเพราะประกาศของทางกัมพูชา ซึ่งหลายๆ คนก็อยากกลับมาเมื่อมั่นใจว่าสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งตรงกับที่เจ้าของสวนบอกกับเราเช่นกันว่า หลายๆ คนที่ออกไปแล้ว ก็อยากจะกลับมา เช่นเดียวกับนายจ้างเอง ที่เล่าให้ฟังว่า หลายๆ คนอยากกลับมา เพราะทำเงินที่นี่ได้ดี

“เขาอยากกลับเข้ามาเพราะว่าคนที่เขาทํางานจนชํานาญแล้ว เขาได้ค่าตอบแทนค่อนข้างสูง เช่นงานเก็บมังคุด ซึ่งเขาได้เงิน และสร้างตัวได้เลย ทั้งงานที่ประเทศเขาก็มีน้อย ที่กลับไปคือส่วนใหญ่จำใจกลับ” เจ้าของสวนในจันทบุรีเล่า พร้อมมองว่า การไหลออกครั้งนี้ น่าจะกินเวลา 2 ปี ถึงจะทำให้สถานการณ์นิ่ง และแรงงานกลับมาปกติ

“เพราะว่ามันผ่านการจุดวิกฤตแล้วเดี๋ยวต้องมีจุดฟื้นฟู แล้วมันก็ต้องอยู่กับความปลอดภัยด้วยว่าถึงแม้ไทยจะบอกำว่าปลอดภัย แต่ทางนั้นยังบอกว่าไม่ปลอดภัย ครอบครัวเขาไม่ให้มา เขาก็กลับมาไม่ได้ด้วย”

แรงงานกัมพูชากลับไปแล้ว ใช้แรงงานชาติอื่นทดแทนได้ไหม ?

ในข่าวการเดินทางกลับของชาวกัมพูชา เรามักเห็นความคิดเห็นของชาวไทยที่พูดว่า หากไม่มีแรงงานกัมพูชา ก็สามารถจ้างแรงงานเมียนมา หรือลาวได้แทน ไปจนถึงว่าจ้างคนไทยด้วยกันก็ได้ แต่สำหรับการใช้แรงงานทดแทนนั้น ผู้ประกอบการ และนายจ้างเองต่างก็มองว่า ไม่สามารถทดแทนกันได้ง่ายอย่างที่พูด

นิลุบน กลุ่มนายจ้างสีขาวชี้ว่า “ในความเป็นจริงมันไม่ได้ เพราะว่าแรงงานลาว ประเทศลาวก็ไม่ได้อยากให้คนของเขาออกมาทำงานซักเท่าไหร่ หรืออย่างแรงงานเมียนมา ถ้าจะเอามาทำงาน ก็ต้องทำ MOU ซึ่งมันไม่ได้ใช้เวลาอันสั้นในการแก้ไขปัญหา และสวน หรืองานเกษตรเองก็มีเวลาเก็บเกี่ยว” ดังนั้นการจะเอาแรงงานมาทดแทนอาจจะไม่ทันเวลา

นิลุบนยังบอกอีกว่า แรงงานเมียนมา ตอนนี้ด้วยสถานการณ์ประเทศเขาไม่สามารถทำ MOU ได้ หรือจะใช้แรงงานตกค้าง ที่ยังไม่มีงาน ก็อาจไม่ได้มีมากเพียงพอ เพราะแรงงานเหล่านี้เมื่อไม่มีงาน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรออยู่ในประเทศไทย

เจ้าของสวนทุเรียนในจังหวัดจันทบุรีเอง ก็ชี้เช่นกันว่า แม้ว่าสวนของเธอจะมีการใช้แรงงานทดแทน แต่การที่ทุกสวน หรืองานเกษตรกรรมจะแทนด้วยชาติอื่นหมดก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะพื้นฐานงานเกษตรนั้นเหมาะกับชาวกัมพูชาที่มาจากแรงงานภาคเกษตรเหมือนกัน สอนงานได้ง่าย และทำงานได้ดีกว่า

“ความชํานาญไม่เหมือนกันค่ะ แต่ละประเทศ ก็เป็นแรงงานแต่ละกลุ่ม ทั้งลาว เมียนมา กัมพูชา เขามีข้อดี ข้อไม่ดี ต่างกัน คนลาวอาจจะเหมาะกับค้าขาย เมียนมาก็เหมาะกับงานก่อสร้าง เราคิดว่ากัมพูชาเหมาะสมกับงานภาคเกษตร เพราะว่าเขาอยู่ใกล้จังหวัดจันทบุรี และงานบ้านเขาใกล้เคียงกับของเราภาคเกษตร อย่างลาว และพม่า เขาก็อาจจะไม่ชอบงานเกษตร ไม่ใช่ว่าแรงงานต่างชาติเขามาปั๊บ และจะพร้อมทํางานทุกอย่าง ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ”

เช่นเดียวกับเจ้าของสวนปาล์ม เธอก็ให้ความเห็นแบบเดียวกันว่า งานเกษตรนั้นต้องพึ่งพาชาวกัมพูชา “จากที่สังเกตในแถวบ้าน เมียนมาจะชอบทําก่อสร้างทําโรงงาน ส่วนใหญ่เกษตรกรก็คือกัมพูชา ส่วนชาวลาวมีน้อย ไม่ค่อยมีมาทำงานในแถบนี้ ลักษณะงานเกษตร มันเป็นงานหนักค่ะ แต่กัมพูชาเขาทำได้ ทำงานกลางแจ้ง กลางแดดไม่กลัว เลยไปด้วยกันได้”

สร้างความเชื่อมั่น และโมเดลการจัดหางานที่เอื้อนายจ้าง ข้อเรียกร้องจากผู้ประกอบการ

ในวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติได้ยื่นหนังสือต่อกระทรวงแรงงานเสนอ 10 ข้อเรียกร้อง เช่น ขอให้กระทรวงประกาศและประชาสัมพันธ์ยืนยันว่าแรงงานข้ามชาติในไทยจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ตั้งศูนย์เฉพาะกิจชายแดนเพื่อช่วยเหลือแรงงานก่อนเดินทางกลับประเทศ ให้เข้าถึงกลไกร้องเรียนและสิทธิทางกฎหมาย เช่น กรณีไม่ได้รับค่าแรง เครือข่ายยังพบปัญหาแรงงานกัมพูชาที่ต้องการกลับประเทศแต่เอกสารอยู่ในความครอบครองนายจ้างหรือบริษัทจัดหางาน ทำให้เดินทางกลับอย่างถูกต้องไม่ได้ จึงเสนอให้ผ่อนผันและเร่งมาตรการต่อใบอนุญาตทำงานของแรงงาน MOU ที่ครบ 4 ปี โดยใช้การขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวในไทยเพื่อป้องกันการหลุดจากระบบ

นอกจากนี้ เครือข่ายเห็นด้วยกับการนำเข้าแรงงานศรีลังกาเพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน แต่ชี้ว่าความสำคัญเร่งด่วนกว่าคือการหยุดการไหลออกของแรงงาน เพื่อให้ไทยมีเวลาบริหารสถานการณ์และลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนแรงงานอย่างฉับพลัน

ด้านผู้ประกอบการเอง ก็เสนอกับเราว่า อยากให้ภาครัฐรู้ว่า การขาดแคลนแรงงานเป็นเรื่องสำคัญ อย่างในภาคเกษตรต้องใช้ปริมาณคนมาก อยากให้ภาครัฐออกโมเดลที่เอื้อนายจ้างมากกว่านี้ เพราะตอนนี้นายจ้างต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการหาแรงงานสูงมาก 1-2 หมื่นบาทต่อหัว ถ้าหากอยู่ได้ไม่นาน 3-6 เดือน และลาออกนั้น นายจ้างต้องรับภาระใหม่ในการหาคน ซึ่งในการไหลออกระลอกนี้เช่นกัน ที่อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใหม่

รวมถึงหากแรงงานกลับมา ผู้ประกอบการเองก็เรียกร้องให้การเปิดด่าน หรือขั้นตอนการทำเอกสารให้ง่ายขึ้น ลดความซับซ้อน “กระทรวงแรงงานน่าจะต้องดูเรื่องการที่จะให้แรงงานที่จดทะเบียนถูกต้อง สามารถที่จะขอกลับเข้ามาทํางานในงานเดิมได้ เพราะว่าจริงๆ กระทรวงมีข้อมูลอยู่แล้วว่าใครทํางานที่ไหน กับใคร ที่ขึ้นทะเบียนเอาไว้ ก็ควรจะต้องแบบได้กลับมาทํางาน”

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ทั้งนายจ้าง และภาคประชาชนเห็นตรงกันนั้น คือรัฐต้องให้ความมั่นใจ และรักษาความปลอดภัยให้แรงงาน “มันเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น เพราะว่าที่เขาอยู่ไม่ได้ เพราะเขาเกิดความแบบไม่เชื่อมั่นว่าเขาจะปลอดภัยอะไร ภาครัฐต้องมีมาตรการให้ความมั่นใจกับคนที่เป็นแรงงาน และผู้ประกอบการด้วย เพราะตอนนี้ทุกฝ่ายกังวลกันหมด”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

"เที่ยวไทยคนละครึ่ง" เหลือแค่เมืองรอง 8 หมื่นสิทธิ จองได้ถึง 30 ต.ค. นี้

21 นาทีที่แล้ว

ฮุน มาเนต เสนอชื่อทรัมป์ ชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

22 นาทีที่แล้ว

"เมืองไทยประกันชีวิต" ผนึกกำลัง Senior Ecosystem ตอบโจทย์กลุ่ม "Silver Age "กลุ่มสูงวัยยุคใหม่

34 นาทีที่แล้ว

ชมงานศิลป์คู่แผ่นดินผ่านงาน “แพรพัสตรา บรมราชินีนาถ” ร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

50 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ม.รามคำแหงเพิกถอนปริญญากิตติมศักดิ์ ฮุน เซน เหตุมีพฤติกรรมเป็นปฏิปักษ์ต่อไทย

THE STANDARD

DSI ลงพื้นที่จันทบุรี ตรวจสอบ-ยึดการบุกรุกพื้นที่ป่าตกพรม

สำนักข่าวไทย Online

Marine fuel เดิมพันอนาคต เชื้อเพลิงเพื่อการเดินเรือ เชื้อเพลิงไหนคือผู้นำ เชื้อเพลิงไหนแค่ภาพฝันกลางทะเล

THE STANDARD

รณณรงค์ ฉะ! มดดำตัวดี เปิดพื้นที่ให้หมอบี หาแสงจากแรงศรัทธา

TOJO NEWS

ทนายเกิดผล เผย หมอบี เขียนเอกสารลอยๆ ไม่น่าเชื่อถือ โผล่ให้ หลวงพ่ออลงกต เซ็นย้อนหลัง

Khaosod

สาวเล่าเรื่องราวสุดอึ้ง เมื่อพนักงานบริษัทประกันเผยคำพูดสุดสะเทือนใจ หลังลืมวางสาย

เดลินิวส์

"เที่ยวไทยคนละครึ่ง" เหลือแค่เมืองรอง 8 หมื่นสิทธิ จองได้ถึง 30 ต.ค. นี้

TNN ช่อง16

"สตูล" คว้ารางวัลต้นแบบ “จังหวัดสะอาด” ประจำปี 2568 "อำนาจเจริญ หนองคาย เชียงใหม่" อันดับ 1 ประเภททั่วไป

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

จับแรงงานผิดกฎหมายจีน-เมียนมา จี้ตั้งกรรมการสอบเข้มทั่วประเทศ

TNN ช่อง16

แรงงานกัมพูชากลับประเทศแล้ว 3 แสนคน - หนุนแนวคิดนำเข้าจากศรีลังกาทดแทน

TNN ช่อง16

สื่อกัมพูชาชี้ "ชาวกัมพูชา" เดินทางกลับจากไทยแล้วกว่า 550,000 คน

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...