โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

คุยกับ ‘เฮียนพ’ ล็อบสเตอร์ซิตี้ บรรทัดทองขาลง หรือแค่ต้องปรับตัว

TODAY

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • workpointTODAY

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลายคนอาจสังเกตได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปในย่าน “บรรทัดทอง” จากที่เคยคึกคัก กลับดูเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้ประกอบการร้านอาหารหลายแห่งเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดัน ทั้งจากเศรษฐกิจภายในประเทศและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนักท่องเที่ยว

TODAY Bizview มีโอกาสพูดคุยกับ ‘เฮียนพ’ สิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล เจ้าของร้าน Lobster City ในย่านบรรทัดทอง และหนึ่งในทายาทผู้สืบทอดธุรกิจร้าน ‘รสดีเด็ด’ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่โด่งดังมากว่า 50 ปีจากรุ่นพ่อ โดยเฮียนพ เป็นเจ้าของร้านสาขาสามย่านและประตูน้ำ เพื่อสะท้อนสถานการณ์ของย่านบรรทัดทองในตอนนี้ จากมุมมองของคนที่อยู่หน้างานจริง แล้วจะมาสรุปให้ครบจบผ่านบทความนี้

[ คนไทยคือลูกค้าหลัก 70% ของบรรทัดทองกำลังรัดเข็มขัด ]

‘เฮียนพ’ เริ่มต้นเล่าว่า ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจตอนนี้ กระทบกันทั่วโลก และถ้ามาดูบรรทัดทองตอนนี้ ‘ขาลง’ เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้

ก่อนหน้านี้ จำนวนผู้คนที่เดินเข้ามาบรรทัดทองยังอยู่ในระดับวันละ 30,000–40,000 คน ยิ่งหลังแผ่นดินไหวมา เห็นได้ชัด ตอนนี้ปริมาณลูกค้าหดตัว ซักประมาณสองทุ่มก็เริ่มเงียบ พร้อมพฤติกรรมการใช้จ่ายเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยซึ่งเป็นลูกค้าหลักถึง 70%

“เด็กนักเรียนที่เคยจ่ายมื้อละ 300 บาท ตอนนี้อาจลดเหลือ 200 เพราะพ่อแม่ต้องประหยัดตาม สถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ทำให้คนเริ่มคิดก่อนใช้ เก็บเงินไว้ใช้ช่วงวันหยุดหรือเทศกาลแทน”

โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.00–20.00 น. ซึ่งเป็นไพรม์ไทม์ของลูกค้าคนไทยที่จะมาบรรทัดทองแผ่วลง

‘เฮียนพ’ ย้ำว่าถ้าอยากพลิกยอดขาย ต้องเริ่มจากการดึงลูกค้าช่วงเวลานี้ให้กลับมา

[ นักท่องเที่ยวจีนหด กระทบบรรทัดทอง 10% ต้องปรับตัวเข้าหากลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ ]

นอกจากนี้ บรรทัดทองยังได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง คิดเป็นประมาณ 10% ของฐานลูกค้านักท่องเที่ยว แต่ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มเห็นกลุ่มใหม่ๆ เข้ามา เช่น ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง มาเลเซีย และอินเดีย

การปรับตัวของร้านในย่านบรรทัดทองจึงไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติหรือราคา แต่รวมถึง “การสื่อสารและความเข้าใจวัฒนธรรม” ของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม เช่น เพิ่มเมนูฮาลาลเพื่อรองรับชาวมาเลเซีย หรือเตรียมพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่นอื่นๆ ได้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ให้มากขึ้น

“เรารู้ว่าตอนนี้ ชาติอื่นเข้ามาแทนจีนมากขึ้น อย่าง มาเลเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ เราก็ต้องปรับตัวเสิร์ฟเขามากขึ้น เช่น มีเมนูฮาลาล เมนูมังสวิรัติ”

‘เฮียนพ’ เสนอไอเดียว่า หากรัฐสามารถช่วยโปรโมทผ่านอินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติ หรือเชื่อมโยงระบบขนส่งให้รถบัสนักท่องเที่ยวมาลงที่บรรทัดทองในเวลากลางคืน ก็จะยิ่งช่วยดึงลูกค้าใหม่เข้ามาได้มากขึ้น

[ ร้านปิดจริง แต่แค่ 2% คาดว่าในอนาคตอาจเกิด Price War ]

อย่างไรก็ตาม แม้บรรทัดทองจะดูเงียบลง แต่ร้านอาหารกว่า 300 ร้านในพื้นที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่ และอัตราการปิดร้านยังต่ำเพียง 2% เท่านั้น

แต่สิ่งที่ ‘เฮียนพ’ คิดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ คือ “ราคาที่เปลี่ยนไป” เพื่อดึงกลุ่มลูกค้ากลับเข้าร้านก็อาจจะต้องเริ่มปรับราคาลง หรือทำโปรโมชั่น ซึ่งอาจนำไปสู่ “สงครามราคา”

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ วัฏจักรของพฤติกรรมผู้บริโภคในรอบปี ซึ่ง ‘เฮียนพ’ ย้ำว่าเห็นชัดเจนมากตั้งแต่2-3 ปีที่แล้ว

“กลางปี 2566 คนยังใช้เงินเยอะ บุฟเฟ่ต์บูม สตรีทฟู้ดแน่น เพราะเพิ่งหมดเทศกาล วันหยุดยาว ต่อด้วยปีใหม่ แต่พอเข้าพฤศจิกายน–มกราคม คนเริ่มประหยัด เพราะใช้เงินไปหมดแล้ว เริ่มเก็บเงินไว้ใช้ช่วงสงกรานต์ เทรนด์นี้เป็นมาเรื่อยๆ จนปัจจุบัน”

และต้องยอมรับว่าตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ย่านบรรทัดทองถือเป็นหนึ่งในถนนที่ “บูม” ที่สุดของกรุงเทพฯ บรรยากาศคึกคัก สดใส มีชีวิตชีวา ร้านอาหารเปิดใหม่มากมาย และหลายแบรนด์ก็ประสบความสำเร็จ สร้างชื่อเสียง ผู้ประกอบการหลายคนก็พลิกชีวิตร่ำรวยได้จากถนนสายนี้

แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2567 ความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยเริ่มแสดงตัวชัดเจนมากขึ้น แม้ภาพภายนอกจะยังเห็นผู้คนเดินแน่นถนนเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ “พฤติกรรมการใช้จ่าย”

จากเดิมที่ลูกค้าอาจหยิบเงินมาจ่ายมื้อละ 300 บาท ตอนนี้เหลือเพียง 150 บาท ในขณะที่จำนวนคนยังเท่าเดิม ยอดขายกลับไม่สามารถรักษาระดับเดิมไว้ได้

หนึ่งในตัวชี้วัดที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงนี้คือ “เมนูอาหาร” ที่ผู้คนเลือก บรรดาอาหารจานเดียวราคาประหยัด (ไม่เกิน 150 บาท) กลายเป็นทางเลือกหลักของลูกค้า ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคกำลังปรับตัวเข้ากับเศรษฐกิจที่ตึงตัวขึ้น

และนั่นเองที่ทำให้ย่านบรรทัดทองในวันนี้ กลายเป็น ‘อินดิเคเตอร์’ หรือดัชนีที่พอจะชี้ให้เห็นสถานการณ์เงินในกระเป๋าคนไทยตอนนี้ และสภาพเศรษฐกิจได้ชัดเจน

นอกจากประเด็นปากท้องเศรษฐกิจแล้ว อีกหนึ่งจุดคือ ย่านบรรทัดทอง “แพ้ฝน” เมื่อเข้าช่วงฤดูฝนสภาพคือ คนหายอีกระลอก ทำให้ช่วงกลางวันและบ่ายจึงยิ่งสำคัญ เพราะคนมักมาเดินในช่วงเวลานั้น ก่อนฝนตกและก่อนร้านจะเริ่มเงียบลงหลัง 2 ทุ่ม

แม้จะมีเงื่อนไขปัจจัยที่ทำให้ร้านอาหารในบรรทัดทองซาลง แต่ก็ต้องยอมรับว่าด้วยฐานเดิมความโดดเด่นของบรรทัดทองในอดีตคือร้านเก่าแก่ชื่อดังที่มีฐานลูกค้าเหนียวแน่น เมื่อเริ่มมีคนรีวิว นักท่องเที่ยวก็ตามมาเข้าแถว ทำให้บรรทัดทองก็ยังถูกมองถึงการเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของอาหารสตรีทฟู้ดในกรุงเทพฯ อยู่นั่นเอง

[ แล้วร้านอาหารในบรรทัดทองจะอยู่รอดแค่ไหน ? ]

ในมุมของ ‘เฮียนพ’ เสนอว่า เพื่อให้อยู่รอดร้านค้าต้องปรับตัว เพราะธุรกิจร้านอาหารในกรุงเทพฯ เริ่ม “เฟ้อ” ร้านเปิดใหม่เพียบ หลายย่านสำคัญเริ่มแข่งกันมากขึ้น แข่งกันทั้งราคา ทำเล และอื่นๆ

ดังนั้นอาจต้องเพิ่มเสน่ห์และสร้างแม็กเนตให้บรรทัดทอง เช่น นอกจากมีร้านอาหาร ก็อาจจะมีสัดส่วนที่ปรับเพิ่มร้านค้าที่จะดึงกลุ่มช้อปปิ้งเข้ามาได้ ทำให้ย่านบรรทัดทองมีอะไรนอกจากแค่กิน เพื่อให้นักท่องเที่ยวหรือผู้บริโภคคนไทยใช้เวลากับถนนได้ระยะยาว

ทางรอดของบรรทัดทองจึงไม่ใช่แค่ “ไม่ปิด” แต่ต้องทำให้ย่านนี้มีความคึกคักทั้งกลางวันและยามค่ำคืน เช่น ขยายเวลาเปิดร้าน จัดกิจกรรมกลางคืน มีอีเวนต์ในย่านสร้างแรงดึงดูด เพิ่มจุดจอดรถบัสนักท่องเที่ยว หรือโปรโมตร้านอาหารที่เปิดดึกให้มากขึ้น เพื่อทำให้บรรทัดทองกลายเป็นไนท์ไลฟ์สำหรับสายกินอย่างแท้จริง

เฮียนพ สรุปทิ้งท้ายว่า แม้สถานการณ์ตอนนี้บรรทัดทองอาจดูเงียบ แต่ยังไม่ตาย สิ่งที่ต้องทำคือเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา ปรับตัวกับเศรษฐกิจที่ผันผวน และเปิดรับกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ๆ อย่างยืดหยุ่น หากทำได้ บรรทัดทองก็ยังสามารถเป็นคอมมูนิตี้อาหารที่มีชีวิตชีวาอยู่ในใจคนไทยและนักท่องเที่ยวได้อีกนาน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TODAY

[ประมวลภาพ] 3 นักแสดงนำร่วมแถลงข่าวบรอดเวย์ระดับโลก The Phantom of the Opera พร้อมโชว์ความยิ่งใหญ่

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

[ประมวลภาพ] หลิง-ออม เสิร์ฟโมเมนต์ฮอลล์แตก ประกาศเซอร์ไพรส์ FANCON สิ้นปีนี้

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วัตสัน ประเทศไทย ครองแชมป์ “Marketeer No.1 Brand Thailand 2025” สองปีซ้อน

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

King Seiko ต้อนรับแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนแรกที่กรุงเทพฯ

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

"สมาคมฟินเทค" ต้องการเห็นอะไรจากรัฐบาล เพื่อสร้างให้ไทยเป็น Fintech Hub

สยามรัฐ

กยศ. ทยอยคืนเงินเข้าบัญชีเดิมผู้กู้ยืมที่ถูกหักบัญชี Auto debit ตั้งแต่วั 21 ก.ค. 68

สยามรัฐ

พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ เผยผลสำรวจความปลอดภัยพนง. 95% ขององค์กรเผชิญการโจมตีผ่านเว็บเบราว์เซอร์

สยามรัฐ

"ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส" รุกตลาดเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน A3 ทั่วปท. ชูกลยุทธ์ "Market Coverage Optimization" ตอกย้ำผู้นำตลาด

สยามรัฐ

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ผนึก ทรู ดิจิทัล พัฒนานวัตกรรมดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในหอผู้ป่วย สร้างต้นแบบหุ่นยนต์ทางการแพทย์ ช่วยรักษาพยาบาล-กายภาพบำบัด

สยามรัฐ

กทพ. สนับสนุนพื้นที่สีเขียว “สวนเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา บางจากฯ เติมสุข สู่สังคม” เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของชุมชน

สยามรัฐ

SMD100 ปักธงปี 68 รายได้แตะ 1.2 พันล้าน โต 50%

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ก.ล.ต. สั่งถอนไลเซนส์ “อุษา พูลเกิด” สังกัดแบงก์กรุงเทพ 10 ปี ฐานยักยอกเงินลูกค้า 15 ล้าน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘ร้านเขียง’ สตรีทฟู้ดสุดแหวกแนว เปิดตัวเมนูใหม่ ‘ข้าวกะเพราทุเรียน’

TODAY

สตรีทฟู้ดแข่งเดือด ZEN ส่ง ‘เขียง’ โมเดลผัดกะเพรา ‘รถเข็น’ ขยายแฟรนไชส์ต่างจังหวัด

TODAY

สวทช. เปิดตัวนวัตกรรม ‘รถเข็นรักษ์โลกเวอร์ชั่น 3’ ยกระดับร้านสตรีทฟู้ด

TODAY
ดูเพิ่ม
Loading...