กระทรวงยุติธรรมเผายาเสพติดล็อตใหญ่จาก 85 คดี กว่า 100 ตัน
วานนี้ (26 มิถุนายน) ที่บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) จังหวัดสมุทรปราการ เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีทำลายยาเสพติดของกลางครั้งที่ 4 พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นในการขจัดภัยยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย
พิธีทำลายยาเสพติดครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 4 ภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงยุติธรรม สำนักงาน ป.ป.ส. กรมโรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ นิคมอุตสาหกรรมบางปู รวมถึงศิลปินและครีเอเตอร์ชื่อดัง เช่น เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ, นนท์-นาราภัทร งดงาม (หมอแจ็ค) และเพจ DOM เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
ยาเสพติดของกลางที่ถูกทำลายในครั้งนี้ มาจาก 85 คดี มีน้ำหนักรวมกว่า 28.64 ตัน (น้ำหนักสุทธิยาเสพติด 24.39 ตัน) ประกอบด้วย
- ยาบ้า: 11,272 กิโลกรัม หรือประมาณ 123 ล้านเม็ด
- เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์): 12,280 กิโลกรัม
- เฮโรอีน: 117.65 กิโลกรัม
- ยาเสพติดประเภทอื่นๆ: เช่น คีตามีน โคคาอีน เอ็มดีเอ็มเอ (ยาอี) และสารผสม (Happy Water)
พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเน้นย้ำว่า การดำเนินการในวันนี้เป็นการประกาศจุดยืนของประเทศไทยต่อประชาคมโลกว่า เรามุ่งมั่นที่จะขจัดภัยยาเสพติดเพื่อสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยจากยาเสพติด
ด้าน พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567-2568 ภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบันว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ทำลายยาเสพติดรวม 4 ครั้ง จาก 442 คดี คิดเป็นยาเสพติดของกลางรวมสิ่งห่อหุ้มถึง 109.48 ตัน (น้ำหนักสุทธิยาเสพติด 92.44 ตัน) โดยเป็นยาบ้ากว่า 540 ล้านเม็ด ไอซ์ 36.98 ตัน และเฮโรอีน 1.36 ตัน
กระบวนการทำลายยาเสพติดทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดของคณะทำงานจากหลายหน่วยงาน เพื่อรับประกันความโปร่งใส ถูกต้องครบถ้วน โดยยาเสพติดทั้งหมดจะถูกเผาด้วยเทคโนโลยีเตาเผาอุณหภูมิสูงกว่า 1,200 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถทำลายฤทธิ์ยาเสพติดได้อย่างสมบูรณ์และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำนักงาน ป.ป.ส. ยืนยันว่าจะเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง โดยการทำลายยาเสพติดครั้งต่อไป (ครั้งที่ 5) มีกำหนดการในราวเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนว่ายาเสพติดที่จับกุมได้จะถูกจัดการอย่างเด็ดขาดและเป็นรูปธรรม ไม่มีโอกาสเล็ดลอดกลับไปทำลายอนาคตของลูกหลานหรือสังคมไทยอีกต่อไป