โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ตั้งทีมเฉพาะกิจ เร่งกู้วิกฤติเศรษฐกิจชายแดน สินค้าตกค้างกว่า 50 ล้าน

เดลินิวส์

อัพเดต 27 มิ.ย. เวลา 20.59 น. • เผยแพร่ 27 มิ.ย. เวลา 13.58 น. • เดลินิวส์
ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ สั่งลุยตั้ง “ทีมเฉพาะกิจด้านเศรษฐกิจ” หลังสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาตึงเครียด กระทบค้าขายพังยับ! สินค้านำเข้าและส่งออกตกค้างรวมกว่า 50 ล้าน จี้ทุกหน่วยเร่งแก้ปัญหา พร้อมจัดมหกรรมผลไม้ระบายของช่วยชาวสวน

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เรียกประชุมด่วน “ศูนย์สั่งการชายแดนไทย–กัมพูชา” หลังการจำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนเริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจชายแดนอย่างชัดเจน

ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ กล่าวว่า ากข้อมูลด่านศุลกากรรายงานว่าขณะนี้มีสินค้าจากกัมพูชา เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 250 ตัน และพริกสด 360 ตัน รวมมูลค่ากว่า 37 ล้านบาท ตกค้างอยู่ไม่สามารถนำเข้าได้ ขณะที่สินค้าฝั่งไทยที่เตรียมส่งออกก็เริ่มเสี่ยง “หมดอายุ” รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

แม้จะเข้มงวดเรื่องความมั่นคงแต่ภารกิจ “ด้านมนุษยธรรม” ยังเดินหน้าต่อ โดยเฉพาะการส่งยาไปยังฝั่งกัมพูชาที่ต้องมีเภสัชกรหรือพยาบาลประจำการ ไม่อนุญาตให้ฝากมากับรถทั่วไปอีกเพื่อป้องกันการลักลอบและรักษาคุณภาพยาอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันทางพาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษก็เร่งขับเคลื่อนกิจกรรมระบายผลไม้ที่ตกค้าง ด้วยการจัด “Thai Fruits Festival 2025” ทั้งในศูนย์การค้าทั่วประเทศกว่า 1,000 สาขา และในศรีสะเกษเอง 2 ครั้ง ที่ห้างสรรพสินค้า เดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนี้ เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ

ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ กล่าวต่ออีกว่า สั่งการตั้ง “คณะทำงานเฉพาะกิจด้านเศรษฐกิจ” โดยมีรองผู้ว่าฯ ด้านเศรษฐกิจเป็นประธาน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานรัฐทุกภาคส่วน เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจให้ตรงจุด และเน้นย้ำว่า แม้มาตรการด้านความมั่นคงอาจกระทบเศรษฐกิจระยะสั้น แต่จังหวัดจะไม่ยืนดูเฉย เร่งเดินหน้าสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงและเศรษฐกิจชายแดนอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดใจรับฟังประชาชนอย่างใกล้ชิด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...