พบรีสอร์ท ‘จอนนี่ มือปราบ’ ลอบเปิดกิจการไร้ใบอนุญาต จ่อเอาผิด จนท.รัฐเอื้อประโยชน์
ยิ่งขุดยิ่งเจอ!!"รีสอร์ท "จอนนี่ มือปราบ" ลักลอบประกอบกิจการโดยไม่มีใบอนุญาต ตำรวจเตรียมไล่บี้เช็คบิลเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นเอื้อประโยชน์ให้นายทุน
จากการกรณี พล.ต.ต.วัชรินทร์ ฟูสิทธิ์ ผบก.ปทส. และ พล.ต.ต.ปรเสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. สนธิกำลังร่วม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ , นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย นำหมายค้นศาลจังหวัดอุบล เข้าตรวจสอบ รีสอร์ทล่องแพ และบ้านพักพลูวิลล่า ของ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ ผบ.หมู่ กก.สส. บก.ภ. จว.อุบลราชธานี หรือ "จอนนี่ มือปราบ" ตำรวจอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดัง หลังถูกร้องเรียนว่าก่อสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี โดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวานที่ผ่านมา (22 ก.ค.) ก่อนพบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าจริง รวมถึงมีการออกใบอนุญาตก่อสร้างให้โดยเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่น ทั้งที่ไม่สามารถทำได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐส่วนท้องถิ่นรํ้เห็นหรือข่วยเหลือในการกระทำผิดด้วยหรือไม่ ตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 23 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากความผิดในเรื่องของการบุกรุกที่ป่าของรีสอร์ทมือปราบคนดัง รวมไปถึง ความไม่ชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับกรณีการออกใบอนุญาตก่อสร้างของเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นแล้วนั้น จากการลงพื้นที่เมื่อวานที่ผ่านมาของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้ ตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าหน้าที่ป่าไม้ ยังพบว่า รีสอร์ทดังกล่าวของ ด.ต.ยุทธพล หรือ "จอนนี่ มือปราบ" นั้น ไม่มีใบอนุญาต หรือ เป็นการลักลอบประกอบกิจการโรงแรม ห้องพัก โดยไม่ได้ขออนุญาตจากทางฝ่ายปกครองท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นความผิดด้วยเช่นกัน
ขณะที่ในส่วนของคดี ทางตำรวจจะแบ่งหน้างานความรับผิดชอบออกเป็นหลานส่วน เพื่อแยกดำเนินการในแต่บะฐานความผิด โดยตำรวจป่าไม้ หรือ บก.ปทส. จะรับผิดชอบดำเนินการในส่วนของความผิดจากกรณีบุกรุกพื้นที่ป่า ขณะที่ในส่วนของตำรวจ บก.ปปป. จะรับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่น เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นรายใด สนับสนุนให้ความร่วมมือในการกระทำผิดด้วยหรือไม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานที่ได้มาจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า รีสอร์ทดังกล่าวมีพื้นที่รวมกว่า 6 ไร่ เกือบทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่ป่านิคมสร้างตนเองลำโดมน้อยจริง และ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นที่ถูกกันไว้ให้เป็นผืนป่า หรือ ป่าส่วนกลาง การบุกรุกเข้าไปก่อสร้างประกอบกิจการธุรกิจรีสอร์ทโดยไม่ได้รับการอนุญาต จากทางนิคมฯ จึงเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้