หลวงพี่น้ำฝน มอบ 20,000 บาท สนับสนุนโจโจ้มวยไทยยิม ส่งเสริมเยาวชน สืบสาน สร้างมวยไทยเป็นหนึ่งเวทีโลก
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์(หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง นครปฐม มอบทุนสนับสนุนจำนวน 20,000 บาทให้กับ นาย ไพโรจน์ ทับทิมชื่น หัวหน้าค่าย โจโจ้ มวยไทยยิม ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีน้อง ๆเยาวชน ที่เป็นนักมวยในสังกัด จำนวน 10 คน พร้อมด้วยผู้ดูแลค่าย เข้ารับมอบทุนดังกล่าว พร้อมเข้ารับโอวาทในการเรียนรู้วิชามวยไทยการประพฤติและปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับความเป็นเยาวชนและมุ่งมั่นในการสืบสานอนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้คงอยู่และสร้างชื่อเสียงรายได้เข้าสู่ประเทศชาติได้ในอนาคต
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์(หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมฯ กล่าวว่าโครงการและกิจกรรมที่วัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง ได้มีการ ตั้งเป้าหมายในการดำเนินการหนึ่งในนั้นคือการ สืบสานอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมซึ่งมวยไทยก็ถือเป็นหนึ่งในศิลปะการป้องกันตัวซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกและเปรียบได้ว่าเป็นตัวแทนอย่างหนึ่งของประเทศไทยในนานาอารยะประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้มีชาวต่างชาติสนใจฝึกฝนและเรียนรู้ รวมถึงนำไปประกอบอาชีพจนมีรายได้ที่มั่นคง ขณะเดียวกันประเทศของเราซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นต้นตำรับของศิลปะที่มีคุณค่ามากที่สุดของโลกก็ยังจำเป็นจะต้องมีการอนุรักษ์และสืบสานไว้ ซึ่งการที่เราจะอนุรักษ์และคงอยู่ให้กับศิลปะนี้ได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือการปลูกฝังและฝึกฝนสร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างแท้จริงให้กับผู้ที่มาสืบสานต่อโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งเขาเหล่านั้นมีความสำคัญในการผลักดันนำความเป็นไทยออกสู่สายตาโลกในระยะยาวและประกาศให้เห็นว่าประเทศไทยคือประเทศที่มีเอกลักษณ์มีอัตลักษณ์และมีรูปแบบชีวิตที่มีลักษณะเฉพาะตัวเป็นของตัวเองจนเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าประเทศไทยมีดีอะไรบ้าง
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อไปว่าแต่การจะให้เด็กและเยาวชนได้สืบสานศิลปะแม่ไม้มวยไทยจำเป็นต้องมีต้นแบบที่ดีและมีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะครูมวยกับลูกศิษย์ก็จะมีวิธีการในการเรียนรู้สืบทอดวิชาในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทยเปรียบไปเป็นเหมือนพ่อกับลูกที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งนอกเหนือจากวิชาที่จะให้แล้วยังจะต้องส่งเสริมและให้เกาะคุ้มกันในการวางแผนในการดำเนินชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาวัดไผ่ล้อม ได้ส่งเสริมให้กับเด็กและเยาวชนได้หันมาชกมวยไทยเพื่อหารายได้เข้าสู่ครอบครัวและเลี้ยงดูตัวเองให้ได้ โดยต้องยอมรับว่ามีเด็กเด็กหลายคนที่สนใจและอยากเข้ามาในอาชีพนี้เพราะปัจจุบันเห็นแล้วว่ามวยไทยเป็นอาชีพที่มั่นคงและสามารถสร้างรายได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองชุมชนและประเทศชาติได้ และอาจจะเป็นเพียงไม่กี่วัดที่ได้ตระหนักถึงเรื่องศิลปะแม่ไม้มวยไทยจึงได้มีการ ส่งเสริมอย่างต่อเนื่องแต่ต้องอยู่ภายใต้กติกาของกฎหมายและหลักการเพื่อไม่ให้เกิดการบิดเพี้ยนผิดรูปแบบของการชกมวย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ
“อาตมาได้วางรากฐานไว้คือมีเด็กและเยาวชนจากครอบครัวที่ยากไร้ต้องการหาอาชีพเพื่อนำรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวแต่เด็กบางคนก็ยังเล็กเกินไปจึงจำเป็นต้องมีครูมวยที่มีมีความรู้และค่อยค่อยส่งเสริมทักษะตามช่วงอายุและสรีระการเติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดหากจะเข้าโครงการที่จะเป็นนักมวยที่ดีในอนาคต ในส่วนที่วัดไผ่ล้อมส่งเสริมนั่นคือทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในขั้นพื้นฐานยิ่งใครอยู่ในเครือข่ายต้องมีการวางตัวที่ดี การศึกษาที่ดี และการฝึกซ้อมที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ครูมวยหลายคนได้เข้ามารวมตัวกันและผลักดันสิ่งเหล่านี้เพื่อให้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต ถามว่าทำไมพระต้องมาส่งเสริมและสนับสนุนวงการมวย อาตมาคิดง่ายง่ายเพียงให้เด็กและเยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างมีประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติด หลุดพ้นจากสิ่งมอมเมา ซึ่งวัดไผ่ล้อมได้วางแนวทางเช่นนี้มาตลอดและผลกำไรที่จะเห็นก็คือชื่อเสียงและการประสบความสำเร็จของเด็กเด็กและเยาวชนที่ได้ผ่านการอบรมสั่งสอนในเครือข่ายของวัดไผ่ล้อมนั่นเอง” หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย