"ตลาดสหรัฐ"โตแรงช่วยดัน"ส่งออก"ไทยครึ่งปีขยายตัว 15 %
การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ครึ่งปีแรกการส่งออกไทยขยายตัว 15.0 % มีมูลค่า 166,851 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปี 67 ที่ขยายตัว 1.9 % มูลค่า 145,047 ล้านดอลลาร์
โดยช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาการส่งออกในแต่ละเดือนตัวเลขการขยายตัวแตะ 2 หลักทุกเดือนไล่มาตั้งแต่ เดือนม.ค.การส่งออกขยายตัว 13.6 % ก.พ.14.0 % มี.ค.17.8 % เม.ย. 10.2 % พ.ค.18.4 % มิ.ย.15.5 % โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือน พ.ค.การส่งออก ขยายตัวสูงถึง 18.4% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ครึ่งปีแรกขยายตัวถึง 15.0 %
ปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้การส่งออกไทยเติบโตมาจาก การเร่งส่งออกสินค้าไปสหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงการภาษีต่างตอบแทนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศไว้ว่าไทยจะถูกเก็บภาษี 36 % ประกอบกับความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเติบโตได้ดี โดยสินค้าอุตสาหกรรมยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ และอัญมณี
เมื่อโฟกัสไปยังตลาดส่งออกสำคัญของไทยเติบโตทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดหลักของไทย ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ จีน สหภาพยุโรปและอาเซียน ที่ได้รับปัจจัยหนุนอย่างต่อเนื่องจากการเร่งนำเข้าของประเทศคู่ค้าก่อนที่มาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐจะมีผลบังคับใช้
โดยเฉพาะตลาดสหรัฐเติบโตต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี โดยเดือน ม.ค. ขยายตัว 22.4 % ก.พ. 18.3 % มี.ค. 34.3 % เม.ย.ขยายตัว 23.8% พ.ค.35.1 % และ มิ.ย.41.9 % ส่งให้ครึ่งปีแรกขยายตัว 29.7 % โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ซึ่งตลาดสหรัฐ ถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญมากสำหรับประเทศไทย โดยเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 มีสัดส่วนราว 1 ใน 5 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด และมีมูลค่าสูงถึง 60% ของ GDP ของไทย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การส่งออกของไทยครึ่งปีแรกที่เติบโตได้ถึง 15.0 % ส่วนหนี่ง เป็นผลมาจากการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ โดยผู้นำเข้าเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่ภาษีทรัมป์จะมีผล ขณะที่ตลาดหลักอื่น เช่น จีนก็เติบโตดีเช่นกัน โดย ครึ่งปีของปี ตลาดจีนขยายตัว 18.8 % ตลาดสหภาพยุโรป ขยายตัว 9.4 % ตลาดอาเซียน ขยายตัว 5.1 %
สำหรับการส่งออกครึ่งปีหลังคาดการณ์ว่า การส่งออกของไทยจะชะลอตัวแน่นอน เพราะผลกระทบจากภาษีของทรัมป์ที่ไทยจะถูกเก็บ 36 % หากไทยไม่สามารถปิดดีลการเจรจาสหรัฐได้ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.ซึ่งทางสภาผู้ส่งออกทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ประเมินว่า หากไทยปิดดีลภาษีไม่ได้จะกระทบกระทบต่อมูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกาซึ่งสูงถึง 2 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยจะเสียเปรียบคู่แข่งมากที่สุด ประกอบด้วย เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อาหารสำเร็จรูป ข้าว ยางพารา เป็นต้น
ปัจจุบันสายเรือที่เดินทางไปยังสหรัฐลดลงราว 30% เป็นอีกสัญญานว่า 6 เดือนที่ผ่านมาสินค้าที่ส่งไปคงคลังในสหรัฐเริ่มมากเกินเพียงพอแล้ว การส่งออกในครึ่งปีหลังจะชะลอตัวแน่นอน
ขณะที่ทางกระทรวงพาณิชย์ มองว่า แนวโน้มการส่งออกครึ่งหลังของปี 2568 การดำเนินมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลต่อการค้าไทยและโลกอย่างมีนัยสำคัญ ผลของการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีต่างตอบแทนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 68 เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อทิศทางการค้าระหว่างประเทศในอนาคตของไทย
โดยไทยได้ยื่นข้อเสนอฉบับใหม่ที่เปิดตลาดมากขึ้นให้กับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ซึ่งได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดี คาดว่าไทยจะได้รับอัตราภาษีที่เหมาะสม และยังสามารถแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกรายอื่นในภูมิภาคได้
สถานการณ์การส่งออกไทยในครึ่งปีหลังยังคงมีความไม่แน่นอนจากภาษีทรัมป์ ซึ่งไทยยังคงต้องลุ้นว่า ไทยจะถูกเก็บในอัตราภาษีเท่าไร ซึ่งหากถูกเก็บภาษีในอัตราที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งในกลุ่มประเทศอาเซียน ไทยก็พอจะสู้ได้ แต่หากถูกเก็บมากกว่า การส่งออกไทยสะเทือนแน่ โดยเฉพาะ"ตลาดสหรัฐ"ที่เป็นตลาดสำคัญของไทย หากสูญเสียตลาดนี้ไปการหาตลาดใหม่รองรับจะทำได้ยากท่ามกลางการแข่งขันของประเทศต่างทั่วโลก