ตับเตือน "จมไขมัน" ร่างกายส่ง 5 สัญญาณ ขี้ลืม-คันผิว ก็อยู่ในลิสต์ แต่ยังไม่ใช่ข้อแรก!
สังเกตให้ดี! ตับร้องเตือน ‘จมไขมัน’ กับ 5 สัญญาณเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่เหนื่อยง่าย-คันผิว-ขี้ลืม
ตับ เป็นอวัยวะที่ได้ชื่อว่า “อวัยวะเงียบ” เพราะไม่มีเส้นประสาทที่รับรู้ความเจ็บปวด ทำให้โรคเกี่ยวกับตับมักดำเนินไปอย่างเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการเด่นชัดในระยะแรก อย่างไรก็ตาม โรคไขมันพอกตับ ก็สามารถรักษาและฟื้นฟูได้ หากเรารู้จักสังเกตสัญญาณเตือนจากร่างกายตั้งแต่เนิ่นๆ
คุณรู้หรือไม่ว่า ตับของเราทำหน้าที่เปรียบเสมือน “โรงงาน” ที่ยุ่งตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการกรองสารพิษ เผาผลาญสารอาหาร หรือผลิตน้ำดี แต่เมื่อใดก็ตามที่ตับเริ่มทำงานหนักเกินไป มักเกิดการสะสมไขมัน และหากไขมันในตับเกินกว่า 5% ของน้ำหนักตับทั้งหมด จะถือว่าเข้าข่ายภาวะตับมีไขมันแทรก ซึ่งหากปล่อยไว้อาจลุกลามไปสู่โรคตับอักเสบ ตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้
สัญญาณ 5 อย่างที่บอกว่าตับคุณอาจกำลัง “จมอยู่ในไขมัน”
1. เหนื่อยล้าเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
คุณอาจรู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงนอน ไม่มีแรง แม้จะนอนหลับเต็มอิ่มแล้วก็ตาม นี่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของไขมันพอกตับ เพราะเมื่อตับทำงานหนักและเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง ร่างกายจะรู้สึกเหนื่อยง่ายโดยไม่จำเป็นต้องมีโรคอื่นร่วมด้วย
2. แน่นหรืออึดอัดบริเวณชายโครงขวา
รู้สึกจุก แน่น หรือเจ็บแบบตื้อๆ ที่บริเวณชายโครงขวา – ตำแหน่งที่ตับอยู่ อาการนี้เกิดจากตับที่เริ่มโตขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากไขมันสะสม กดเบียดอวัยวะข้างเคียง โดยมักเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหารอิ่ม หรือเมื่อนอนตะแคงขวา
3. เบื่ออาหาร กินไม่อร่อย
เมื่อไขมันรบกวนการทำงานของตับ กระบวนการย่อยอาหารก็ถูกรบกวนเช่นกัน ทำให้รู้สึกเบื่ออาหาร กินได้น้อยลง หรืออาจคลื่นไส้เล็กน้อย โดยเฉพาะหลังทานอาหารที่มีไขมันสูง อาการนี้หากเป็นต่อเนื่องอาจทำให้น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ
4. ผิวหนังคันผิดปกติ หรือเปลี่ยนสี
บางคนอาจมีอาการคันผิวหนัง โดยไม่มีผื่นชัดเจน โดยเฉพาะเวลากลางคืน หรือสังเกตเห็นว่าผิวหนังบางส่วนมีสีคล้ำขึ้น เช่น บริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ ซึ่งอาจเป็นอาการของ ภาวะผิวหนังหนาและคล้ำ ซึ่งสัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลินและไขมันพอกตับ
5. สมาธิสั้นลง ขี้ลืมง่าย
เมื่อความสามารถในการกรองสารพิษของตับลดลง สารบางชนิดอาจตกค้างในเลือดและส่งผลต่อสมอง ทำให้คุณรู้สึกมึนงง สมาธิสั้น หรือหลงลืมเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน อาการนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผลจากความเครียดหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
เมื่อพบอาการเหล่านี้ ควรทำอย่างไร? หากคุณพบว่าอาการใดอาการหนึ่งใน 5 ข้อข้างต้นเป็นบ่อยและต่อเนื่อง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย โดยเฉพาะการอัลตราซาวด์ตับ และตรวจค่าการทำงานของตับในเลือด เพราะไขมันพอกตับหากพบในระยะเริ่มต้น ยังสามารถควบคุมและย้อนกลับได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดอาหารมันและน้ำตาล, เพิ่มการออกกำลังกาย, ควบคุมน้ำหนัก และงดแอลกอฮอล์
- หมอลองกับตัว แค่เติม "สิ่งนี้" ลงในข้าว ลดน้ำหนักได้ 20 กก. หลังเคยเกือบตายเพราะโรคอ้วน!
- วิถีคนญี่ปุ่น ดื่มนมน้อยกว่าฝรั่ง แต่อัตรา "กระดูกพรุน” ต่ำกว่า เพราะกินสิ่งนี้บ่อยๆ อร่อยด้วย