โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

1ส.ค.ชี้ชะตา”พิเชษฐ์” ภัณฑิล-ผู้ร้องศาลรธน.ย้ำ ทำแบบย่ามใจ-ไม่เกรงกลัว

ไทยโพสต์

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อันนี้คือย่ามใจ เพราะจำนวนมันเยอะ ทำแบบไม่เกรงกลัว ..มีการบุกเข้าไปในห้องประชุมคณะกรรมาธิการฯเพื่อมายืนยันว่าจะเอางบตัวนี้ให้ได้ จนข้าราชการสภาฯ เขาไม่ไหวแล้ว ทำแทนให้ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่แค่หนึ่งล้านหรือสองล้านบาท แต่มันหลายร้อยล้าน

คดีที่อยู่ในการพิจารณาของ”ศาลรัฐธรรมนูญ”อีกหนึ่งคดีที่น่าสนใจนอกเหนือจากคดีสมาชิกวุฒิสภายื่นคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร

นั่นก็คือคดีที่”ภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชนและส.ส.พรรคประชาชน รวม121คน” ร่วมกันลงชื่อยื่นคำร้องเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม โดยมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง (ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย) เป็นผู้ถูกร้อง

จากกรณีเป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการ เสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนโดยทางตรง หรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และกรณีสำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรมีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ที่เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใด ๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง

ที่ล่าสุดศาลรธน. กำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลในวันพฤหัสบดีที่ 24 ก.ค. และศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงลงมติ วินิจฉัยคดีวันที่ 1ส.ค.

ภัณฑิล น่วมเจิม สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ในฐานะคีย์แมนหลักของพรรคประชาชนในการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณดังกล่าวรวมถึงในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญร่วมกับส.ส.พรรคประชาชนรวม 121คน” ให้สัมภาษณ์กับ”ไทยโพสต์”ว่า คำร้องดังกล่าวเป็นเรื่องของมีการแปรงบประมาณรายจ่ายฯ ไปลงในพื้นที่ตัวเองในรูปแบบการตั้งงบอบรมสัมมนาหลายร้อยโครงการ รวมแล้วยอดวงเงินงบประมาณรายจ่ายเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท มีทั้งจัดงบในลักษณะการฝึกอาชีพ-งบโครงการการมีส่วนร่วมของประชาชนและเยาวชน เช่นงบด้านกีฬา มีการเขียนโครงการออกมาเยอะ แต่พบว่ามีการเอางบไปลงในพื้นที่ของตัวเองที่จังหวัดเชียงราย และใช้งบไม่หมด

การกระทำดังกล่าว ทำให้ข้าราชการของรัฐสภาลำบากใจ เพราะรู้ว่าผิดระเบียบและสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 คือมีการแปรเปลี่ยนงบประมาณไปทำในส่วนอื่น ที่ไม่ได้ตรงกับวัตถุประสงค์เดิม ส่วนใหญ่นำไปทำโครงการต่างๆที่อยากจะทำในสภาฯ มีการแปรงบและเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์โครงการ จากเดิมมีการขอตั้งงบเพื่อนำไปจัดทำโครงการอบรมสัมมนา ก็นำไปทำโครงการเช่นศึกษาการปรับปรุงบริเวณสระมรกต-งบปรับปรุงศาลาแก้ว ทำโปรเจกต์ไว้มากแล้วมีการแปรงบไปทำโครงการศึกษาการก่อสร้างต่างๆ ก็ผิดอีกดอกหนึ่งไม่ตรงกับที่ขอไว้ เป็นเรื่องการแปรงบ

..การตรวจสอบข้อมูลงบดังกล่าว เกิดขึ้นตอนที่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎรที่มีนายนายพริษฐ์ วัชรสินธุเป็นประธานกรรมาธิการฯ มีการเรียกขอดูข้อมูลงบต่างๆของสภาผู้แทนราษฎร เพราะอยากเห็นข้อมูลโครงการต่างๆ เพราะพบว่ามีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญก็เรียกดูโครงการขนาดใหญ่ทั้งหมดก็ตกใจเพราะมีโครงการค่อนข้างเยอะ เช่นการทำพิพิธภัณฑ์ การปรับปรุงศาลาแก้ว การปรับปรุงห้องประชุมต่างๆของสภาฯ ผมเห็นข้อมูลโครงการต่างๆ แล้วก็ตกใจ เพราะรัฐสภาที่ใช้งบก่อสร้างสองหมื่นล้านบาทโดยยังใช้ไม่ได้เต็มที่แต่ตั้งงบปรับปรุงอย่างห้องประชุมตั้งงบปรังปรุงร้อยกว่าล้านบาท จุดนี้เป็นสารตั้งต้นที่ทำให้สงสัยว่าจะใช้งบประมาณอะไรเยอะขนาดนั้นเลยไปขุดแล้วนำประเด็นนี้ไปแถลงข่าวจนเป็นประเด็นขึ้นมา

“หลังจากนั้นมีข้าราชการของสภาฯ ส่งข้อมูลมาให้หลังไมค์กันเต็ม เพราะข้าราชการมีความอึดอัด พูดอะไรไม่ถูกเพราะฝ่ายบริหาร ข้าราชการการเมือง โดยรองประธานสภาฯ มีการสั่งการไป จะเอาโน้นเอานี้ จะให้ทำอะไรต่างๆ เขาก็ลำบาก ข้าราชการส่งเอกสารต่างๆมาให้ละเอียดมาก ข้าราชการเขาไม่พอใจ ลำบากใจเพราะหากทำแล้วสุดท้ายคนที่จะซวยคือพวกเขาเอง หากทำไปแล้วบั้นปลายชีวิตต้องไปติดคุกติดตะราง หรือมีคดีเป็นชนักติดหลังเต็มไปหมด เขาไม่อยากทำ มีการทำเรื่องขอย้ายหนีกันหมด”

-กรณีร้องว่า นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้องเป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการจำนวน 3 โครงการ ที่มีส่วนโดยทางตรงหรือทางอ้อม มีรายละเอียดอย่างไร?

มีการ copy and paste เพราะมีธงมาอยู่แล้วว่าจะใช้เงินเป็นหลักร้อยล้านบาทแต่ละโครงการก็หลักแสน-สองแสน ตอนแรกจะแจกเป็นเงินด้วยซ้ำไป แต่ว่าขัดกับระเบียบของสภาฯและขัดรัฐธรรมนูญ เพราะไม่สามารถแจกเงินได้ ก็เลยมีการปั้นโครงการขึ้นมา มีการให้คนไปเขียนโครงการขึ้นมาจนมีการโต้แย้งหลายครั้งจากข้าราชการของสภาฯ เพราะต้องผ่านคณะกรรมการของสภาฯ มีการปรับลดและมีการขอจัดสรรงบไปที่รัฐบาลก็โดนตัดไปรอบหนึ่งแล้วมาที่สภาฯ ตั้งแต่ปี 2568 แล้วมีความพยายามจะแปรงบประมาณกลับเข้ามาในลักษณะของบเพิ่ม แม้จะไม่ได้เท่าเดิมแต่มีความพยายามจะเอาให้ได้ โดยจำนวนโครงการมันเยอะ และลักษณะที่ไปตรวจสอบดูมันเหมือนกับ copy and paste หน้าตาเหมือนกันหมดแค่เปลี่ยนคนเซ็น ก็อปวันที่ ก็อปfront และลายมือแทบจะเหมือนกัน

มีการเรียงหมู่-อำเภอ ในเขตเลือกตั้งเรียงมาทุกหมู่ครบ แล้วมีการของบ สุดท้ายมีคนมาฟ้องว่าพอไปจัดงานจริง ก็ให้ชาวบ้านเอาอาหารมาเอง เอาของมาเอง คือพยายามจะทอนให้ได้เยอะที่สุด ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีคนมาค้าน หากมีการแจกเงินจริง ประชาชนก็ต้องมาด่าผมว่าที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลทำให้ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ ก็พบว่าไม่มีใครมาไฟท์ให้เขา(ผู้ถูกร้อง)เลย ที่แปรงบแล้วไปทำอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีประชาชนมาช่วยปกป้องให้เลยสักคน เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เป็นการจัดเพื่อนับหัวแล้วเบิกเงินออกมา ข้าราชการสภาฯ ก็บอกว่าไม่ไหวปฏิบัติไม่ได้จริง แต่ขอเพื่อเอามาทำอย่างอื่น

ถูกฟ้องหมิ่นประมาท ยันมีคนร่วมวงอยู่พรรคเดียวกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่เคยอภิปรายในที่ประชุมสภาฯ โดยมีการะบุว่า กระบวนการตั้งงบดังกล่าว มีส.ส.พรรคเดียวกับรองประธานสภาฯ ชื่อ นาย พ.และนาย ท. “ภัณฑิล-ส.ส.กทม.พรรคประชาชน”กล่าวว่า ในส่วนของ”พ”ได้เปิดไปแล้ว และในคณะกรรมาธิการ-อนุกรรมาธิการที่ดูเรื่องกิจการของสภาฯ เรื่องการออกแบบต่างๆ จะมีคนตั้งทีโออาร์ขึ้นมา ครั้งแรกก่อนจะมีการจ้างทำ จะมีคณะกรรมการที่เหมือนกับมาฟอกขาวเพื่อให้ทุกคนมาสมคบคิดกันและรู้เห็นเป็นใจกันหมด แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนก็ไปตรวจสอบชื่อดูได้ “ท.”ก็เป็นส.ส.เชียงรายอีกเขตหนึ่งของพรรคเดียวกัน ก็ไปเช็คดูได้ ที่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าออกมาปกป้อง เงียบกันหมด ขนาดพรรคเขาเอง ยังไม่กล้ามาช่วยกันเลย เพราะเรื่องมันก็ร้ายแรงอยู่ เอาคนเดียวไม่แบ่งคนอื่น คนก็ด่า

…ขณะนี้ นายพิเชษฐ์ ได้ฟ้องผมในข้อหาหมิ่นประมาทหลังมีการแถลงข่าวและออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ซึ่งก็จะสู้คดีไปเพราะผมเองก็มีหลักฐานตามที่ได้รับมา ไม่ใช่เป็นการนำความเท็จไปเผยแพร่ เป็นหลักฐานที่ผมไม่ได้เขียนขึ้นมาเอง โดยมีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตามนั้นจริงๆ จากนี้ก็ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาชนดำเนินการไป

“ภัณฑิล-ผู้ร้องคดีมาตรา 144”ในคดีนี้ กล่าวย้ำว่า มาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจน โดยในส่วนของส.ส.เป็นเรื่องที่เราเรียนรู้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นส.ส.เลยว่าห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อย่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ ที่เสนอเข้าสภาฯ ก็ตัดได้อย่างเดียว ห้ามไปเพิ่ม ห้ามไปล็อบบี้อะไรเช่น ของบไปลงพื้นที่ เป็นกฎเหล็กที่รู้กันอยู่แล้วว่าห้ามแปรงบเข้าเขตเลือกตั้งของตัวเอง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พ.ศ. 2560 มีบทบัญญัติห้ามกระทำไว้ เป็นเรื่องที่ต้องระวังเพราะเคยมีเคสมาก่อนหน้านี้แล้วของสภาฯ ที่มีการแปรงบ จนเป็นคดีความ เป็นเรื่องร้ายแรง โดนตัดสิทธิตลอดชีวิต หากศาลรธน.มีคำวินิจฉัยมา ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง

เมื่อถามถึงว่าหากเกิดกรณีคำร้องคดีนี้ถูกศาลรธน.วินิจฉัยว่ามีความผิดจะยิ่งทำให้นักการเมืองไม่กล้าทำแบบนี้ เพราะที่ผ่านมา มันอาจมีการทำแต่ไม่ได้โจ่งครึ่ม ครั้งนี้อาจเพราะประมาท “ภัณฑิล”กล่าวตอบว่า”อันนี้คือย่ามใจ เพราะจำนวนมันเยอะ และทำแบบไม่เกรงกลัว มีการบุกเข้าไปในห้องประชุมคณะกรรมาธิการฯเพื่อมายืนยันว่าจะเอางบตัวนี้ให้ได้ จนข้าราชการสภาฯ เขาก็ไม่ไหว ทำแทนให้ไม่ได้ เพราะว่ามันไม่ใช่แค่หนึ่งล้านหรือสองล้านบาท แต่มันหลายร้อยล้านบาท”

“ภัณฑิล”กล่าวทิ้งท้ายว่า มาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญห้ามส.ส.ไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ เพราะส.ส.เป็นฝ่ายตรวจสอบ เป็นฝ่ายออกกติกา หากเราไปทำตัวเป็นฝ่ายบริหาร มันก็คนละหมวกกัน เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เป็น Conflict of Interest ตามหลักการไม่ควรเป็นแบบนั้น ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการชงเองตบเอง เป็นคนออกกติกา ออกงบประมาณเองแล้วเอาเข้าตัวเอง ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายในการระงับยับยั้งความเสียหาย ไม่ให้มันเกิดไปมากกว่านี้

..เพราะงบของสภาฯมาจากภาษีประชาชน เราต้องตระหนักว่า หากเราจะตรวจสอบงปบระมาณของคนอื่น แต่สภาฯเรากลับเป็นเสียเอง ใช้เสียเอง มีการสร้าง-ปรับปรุงอะไรต่างๆมากมาย แล้วเราจะมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นได้อย่างไร หากตัวเราเองยังไม่สามารถสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องได้ เป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นหมุดหมายที่เราปักไว้ว่า ส.ส.ห้ามไปยุ่งงบประมาณ ต้องรักษามาตรฐานตรงนี้ไว้

เปิดบทลงโทษมาตรา 144

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ มาตรา 144 บัญญัติ ตอนหนึ่งว่า

“ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะแปรญัตติเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการหรือจำนวนในรายการมิได้

แต่อาจแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนรายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

(1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้

(2) ดอกเบี้ยเงินกู้

(3) เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย

ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติหรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้

ในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา เห็นว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสองให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา และศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นดังกล่าว ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสอง ให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำดังกล่าวเป็นอันสิ้นผล ถ้าผู้กระทำการดังกล่าวเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ให้ผู้กระทำการนั้นสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น แต่ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กระทำการหรืออนุมัติให้กระทำการหรือรู้ว่ามีการกระทำดังกล่าวแล้วแต่มิได้สั่งยับยั้ง ให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้อยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีมติ และให้ผู้กระทำการดังกล่าวต้องรับผิดชดใช้เงินนั้นคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ย…

เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจัดทำโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรเงินงบประมาณโดยรู้ว่ามีการดำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถ้าได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือหรือมีหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ ให้พ้นจากความรับผิด

การเรียกเงินคืนตามวรรคสามหรือวรรคสี่ ให้กระทำได้ภายในยี่สิบปีนับแต่วันที่มีการจัดสรรงบประมาณนั้น

ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้รับแจ้งตามวรรคสี่ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการสอบสวนเป็นทางลับโดยพลันหากเห็นว่ากรณีมีมูล ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดำเนินการต่อไปตามวรรคสาม และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและศาลรัฐธรรมนูญหรือบุคคลใดจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้แจ้งมิได้…

โดยวรพล กิตติรัตวรางกูร

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

เรื่องของ‘พระ’กับเรื่องของ‘ศาสนา’

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Jeffrey Epstein จุดชนวนให้ Trump กับ MAGA แตกหักกัน? (ตอนที่ 1)

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ขึ้นทางด่วนฟรี วันหยุด 28 ก.ค.68 เช็กด่านยกเว้นค่าผ่านทางที่นี่

ฐานเศรษฐกิจ

หนุ่มขับเก๋งชนท้ายรถสายตรวจพังยับ มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย วัดแอลกอฮอล์สูง 181 มก.

สวพ.FM91

"พระธรรมวชิรธีรคุณ" สึกกลางดึก สังคมสงสัย คนเดียวกับ "หลวงตาเต่า" ใบ้หรือไม่?

Manager Online

ภาพประทับใจ! ‘ทหารไทย’ ช่วย ‘คุณยายชาวเขมร’ เป็นลม หลังเดินเที่ยว ‘ปราสาทตาเมือนธม’

เดลินิวส์
วิดีโอ

ONE ลุมพินี Highlights | ONE ลุมพินี 116 | 18 ก.ค. 2568 | Ch7HD

Ch7HD News - ข่าวช่อง7

ชื่นชม ‘ตำรวจศรีราชา’ ช่วยเงินแรงงาน ‘ผัว-เมีย’ ถูกเบี้ยวค่าจ้าง ไร้เงินเดินทางกลับบ้าน

เดลินิวส์

'ธีรรัตน์' เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูพานน้อย แลนด์มาร์คทางธรรมชาติของจังหวัดหนองบัวลำภู ฟังเสียงสะท้อน ปชช.

VoiceTV

คลื่นความร้อนคุกคามซีกโลกเหนืออย่างรุนแรง กระทบหลายล้านคน

SpringNews

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...