โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

หมดยุคอเมริกามหาอำนาจเดียว สรุป 5 ไฮไลท์เศรษฐกิจโลกในSummer Davos 2025

Amarin TV

เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา
หมดยุค อเมริกา มหาอำนาจเดียว สรุป 5 ไฮไลท์เศรษฐกิจโลก จากการประชุม Summer Davos 2025

นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเริ่มใช้ “นโยบายภาษี” เป็นเครื่องมือทางการเมืองและเศรษฐกิจ โลกก็เหมือนถูกเขย่าให้หลุดจากระเบียบเดิมที่เราคุ้นเคย อำนาจที่เคยเป็นของสหรัฐฯ เพียงฝ่ายเดียวเริ่มสั่นคลอน ความเชื่อมั่นในการค้าเสรีเริ่มถูกตั้งคำถาม และความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติในเวทีโลก

ขณะเดียวกัน เทคโนโลยี AI ได้ถูกพัฒนาก้าวเข้ามาเร่งการเปลี่ยนผ่านให้เกิดเร็วและแรงยิ่งขึ้น ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และแรงงานล้วนได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม

ทั้งหมดนี้สะท้อนชัดเจนในการประชุม Summer Davos 2025 หรือ World Economic Forum: Annual Meeting of the New Champions ที่จัดขึ้น ณ เมืองเทียนจิน ประเทศจีน — ซึ่ง “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมและสรุป 5 ไฮไลท์สำคัญที่คนไทยไม่ควรพลาด เพราะนี่คือสัญญาณแห่งอนาคตที่กำลังเคาะประตูหน้าบ้านเราแล้ว

ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด 

1. จุดสิ้นสุดยุค Post-war Order สู่โลกใบใหม่ที่เราไม่เคยเข้าใจมาก่อน

เราทุกคนเติบโตมาในโลกที่เรียกว่า Post-war Order หรือ “การจัดระเบียบโลกภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2” ที่มีลักษณะ 5 อย่าง ได้แก่

1) สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจเดียว (Unilateral System) ที่ส่งเสริมโอกาสให้ประเทศอื่น ๆ เติบโตได้ในด้านเศรษฐกิจและส่งผลให้เกิดโลกาภิวัฒน์ (Globalization)

2) ความเชื่อมั่นในการค้าเสรีระหว่างประเทศต่าง ๆ สะท้อนจากการมีอยู่ขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) หรือการทำข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreements: FTAs)

3) สาธารณรัฐประชาชนจีนเปรียบเสมือนโรงงานของโลกที่สามารถผลิตสินค้าได้ในปริมาณที่เยอะและต้นทุนต่ำ

4) สาธารณรัฐประชาชนจีนมีประชากรมากที่สุดในโลก

5) ความเชื่อมั่นในองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก (World Bank) หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF)

แต่ตอนนี้โลกกำลังเข้าสู่ "Pre-something World" ที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่าจะแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ประเทศมหาอำนาจจะไม่ใช่แค่สหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน และอินเดีย เป็นระบบ 3 มหาอำนาจ (Multilateral System)

2. Globalization สู่ Regionalization การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่

เมื่อเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนอันเนื่องมาจากนโยบายการตั้งกำแพงภาษี (Tariff) ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ประเทศขนาดเล็กต้องรวมกลุ่มกันเพื่อความอยู่รอดในการสร้างอำนาจต่อรองกับมหาอำนาจ เช่น กรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน หรือ "DEFA" (Digital Economy Framework Agreement) ที่เป็นตัวอย่างของการรวมกลุ่มกันในระดับภูมิภาค (Regionalization) และเมื่อโลกเกิด Regionalization มากขึ้น จะส่งผลให้การค้าแตกเป็นส่วนแยกย่อยมากขึ้น

3. อินเดียจะขึ้นแท่นโรงงานแห่งใหม่ของโลก

ขณะที่ทั่วโลกมีอัตราการเกิดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศอินเดียและทวีปแอฟริกาแต่อย่างใด ส่งผลให้ฐานการผลิตสินค้าที่เน้นจำนวนเยอะและต้นทุนต่ำจะค่อย ๆ ย้ายไปอยู่ที่อินเดียและทวีปแอฟริกา ซึ่งจากเดิมที่จีนเป็นฐานการผลิตที่เน้นปริมาณมากจะผันตัวสู่การเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม (Leader in Innovation) ที่สามารถผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็สามารถคงอัตราการผลิตทั้งในด้านปริมาณและต้นทุนไว้ได้เหมือนเดิม

เมื่อจีนได้อำลาตำแหน่งโรงงานโลกแล้ว ส่งผลให้ตำแหน่งศูนย์กลางของห่วงโซ่อุปทาน (Centralized Supply Chains) หลุดไปเช่นเดียวกัน และสะท้อนให้เห็นได้จากอัตราการค้าระดับโลก (Global Trade) ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงอัตราการค้าโดยตรง (Direct Trade) ระหว่างจีนและอเมริกา แต่ทั้งสองประเทศยังคงพึ่งพากันผ่านการค้าทางอ้อม (Indirect Trade) ซึ่งผ่านประเทศตัวกลาง และจีนเลือกที่จะลงทุนในแถบลาตินอเมริกาและอาเซียนมากขึ้น

สองผลกระทบที่เกิดจากการไม่ไว้วางใจกันของจีนและสหรัฐอเมริกานี้ จะส่งผลให้หลายประเทศเพิ่มจำนวนคู่ค้ามากขึ้น ไม่ได้ตั้งโรงงานหรือฐานการผลิตแค่เฉพาะประเทศจีนหรือสหรัฐอเมริกาเท่านั้นแล้ว เพื่อกระจายความเสี่ยง เปรียบเสมือนการใส่ไข่ในตะกร้าหลายใบ และอาเซียนจะได้รับความสนใจจากหลายประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ เส้นทางการค้าเริ่มมีการแตกกระจายเป็นห่วงโซ่อุปทานเล็ก ๆ ระหว่างประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ที่จะนำไปสู่ Regionalization ในที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีของประเทศมหาอำนาจ

4. การมาถึงของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Fourth Industrial Revolution)

ตัวแปรสำคัญในการเร่งให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 คือ การมาของ AI และ Robotics ซึ่งเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน โครงสร้างทางธุรกิจ และเพิ่ม Productivity ได้ในระดับมหภาค นำไปสู่การเป็น Smart Manufacturing หรือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ในกระบวนการผลิตและการทำงาน ในส่วนของด้านแรงงานจะเกิด Reshoring คือ การที่แต่ละประเทศเรียกแรงงานและฐานการผลิตกลับมาสู่ประเทศของตนเอง อันเนื่องมาจากการไม่ไว้วางใจกันระหว่างประเทศ ทำให้เกิดความต้องการแรงงานที่มีทักษะฝีมือเพิ่มมากขึ้นทวีคูณ

แต่ด้วยแนวโน้มที่ทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้ต้องหันมาพึ่งแรงงานจากประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะอินเดียที่มีประชากรวัยหนุ่มสาวและมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสูง ซึ่งอินเดียจะกลายเป็นข้อต่อสำคัญของเกือบทุกประเทศในอนาคต แล้วเมื่อทุกประเทศหันมาผลิตเองก็จะไม่สามารถคุมต้นทุนจาก Economy of Scales ได้ ทำให้ต้นทุนจะต้องสูงขึ้น และจะเกิดการเพิ่มเงินเดือนเพื่อดึงตัวแรงงานที่เป็น Talent อีกด้วย

5. นโยบาย AI Plus ของจีน ติดปีกการแข่งขัน

ในเวทีการประชุมผู้นำโลกครั้งนี้Premier Li Qiang นายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ออกมาประกาศถึงนโยบายสำคัญที่จะนำ AI มาใช้งานแบบครบทั้ง 3 มิติ ในชื่อว่า “AI Plus” ดังนี้

1) Open Source AI โดยมี DeepSeek เปิดให้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศสามารถใช้งานได้

2) AI Could จาก Huawei ที่เป็นบริษัทภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน รับหน้าที่ในการสร้าง Cloud

3) Data ที่รัฐบาลอำนวยความสะดวกให้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมสามารถเข้าถึงข้อมูลและนำไปใช้งานได้

หากทั้ง 3 มิตินี้ สามารถใช้งานร่วมกันได้ จะทำให้ทุกอุตสาหกรรมในจีนขับเคลื่อนด้วย AI ส่งผลให้ Productivity ของจีนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดการใช้แรงงานของคนและหันมาใช้หุ่นยนต์แทนในที่สุด ดังนั้น การมาของนโยบายนี้จะส่งผลให้ธุรกิจของจีนมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งหน่วยงานภาครัฐของไทยและผู้ประกอบการชาวไทยควรรีบปรับตัวนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์อย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ 5 ประเด็นสำคัญจาก Summer Davos 2025 เป็นเรื่องที่คนไทยจำเป็นต้องรู้และเข้าใจ เพราะจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ การทำธุรกิจ และการลงทุนของเราในอนาคต เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมและปรับตัวตามทิศทางโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จะช่วยให้คนไทยไม่ตกขบวนและสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่

ที่มา : Bitkub

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Amarin TV

หนุ่มรัสเซียเมาสติหลุดปีนหลังคาวิลล่า ก่อนจบชีวิต

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ระทึก! ไฟไหม้ภายในคอนโคมิเนียม บริเวณถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม.

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

GULF เตรียมออกหุ้นกู้ครั้งแรกภายใต้บริษัทใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น อันดับเครดิตสูงที่ AA- เสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่ และประชาชนทั่วไป

Manager Online

ธอส. เผยเครึ่งปีแรก ปี68 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 1.07 แสนล. มั่นใจทั้งปีแตะ 2.41 แสนลบ.

PostToday

ออมสิน-ธ.ก.ส. ปล่อยกู้แก้หนี้นอกระบบแล้วกว่า 2.5 พันล้านบาท

PostToday

80 ปี ตำนานซอสเด็กสมบูรณ์สู่อนาคตในยุคเจนสาม l 19 ก.ค. 68 FULL l BTimes Weekend

BTimes

การบินไทย จับมือ ซัมซุง ร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ยกระดับประสบการณ์การเดินทางผ่าน Samsung Wallet

การเงินธนาคาร

DSI เปิดลงทะเบียนผู้เสียหายกรณีชักชวนลงทุน'Zipmex' ถึง 31 ก.ค.

ฐานเศรษฐกิจ

ผอ.ออมสิน ชี้ปัญหาเศรษฐกิจไทยซึมยาว หนี้ครัวเรือนสูง สังคมสูงวัย ขีดความสามารถการแข่งขันถดถอย

MATICHON ONLINE

ททท. เปิดตัวเลข เที่ยวไทยคนละครึ่ง หมดแล้ว 2 แสนสิทธิ ชลบุรี-ประจวบฯ นำโด่ง

อีจัน

ข่าวและบทความยอดนิยม

อำนาจโลกพลิกขั้ว : ไทยเลือกยืนข้างไหน ในระเบียบโลกใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม

Amarin TV

กต. ระบุ ไทยเจรจาต่อรองอัตราภาษีสินค้านำเข้ากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

Amarin TV

สหรัฐฯ ฟันภาษีครึ่งปีแรก 2.83 ล้านล้านบาท จ่อกลายเป็นรายได้ถาวร

Amarin TV
ดูเพิ่ม
Loading...