โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘O Fenômeno’ ทำไม R9 ถึงเป็นนักเตะที่หาไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้

THE STANDARD

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
‘O Fenômeno’ ทำไม R9 ถึงเป็นนักเตะที่หาไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้

หากเราเปิดประเด็นสนทนาภาษาลูกหนังกันในหัวข้อยากๆ ขึ้นมาว่า “ใครคือนักฟุตบอลผู้เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์”

สามชื่อแรกที่ทุกคนจะคิดถึงย่อมหนีไม่พ้นเปเล ราชาลูกหนังตลอดกาลชาวบราซิล, ดีเอโก มาราโดนา เทพเจ้าลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ และคนสุดท้ายคือ ลิโอเนล เมสซี ราชาฟ้าขาวผู้ถ่อมตน

เหตุผลประกอบการพิจารณาของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป เปเลเป็นเจ้าของแชมป์ฟุตบอลโลกมากที่สุดถึง 3 สมัย ขณะที่มาราโดนามีพรสวรรค์ในการเล่นระดับฟ้าประทาน ส่วนเมสซีนั้นเก่งเหนือจินตนาการ อีกทั้งมีทั้งสถิติผลงานและถ้วยรางวัลรองรับครบถ้วนของเกมฟุตบอลในยุคโมเดิร์น

แต่นั่นเป็นเรื่องของ “ตำแหน่ง”

ถ้าเราคุยกันในเรื่องของ “ตำนาน” แล้วจะมีนักฟุตบอลอีกคนหนึ่งที่สำหรับใครหลายคนแล้ว เขานี่แหละคือสุดยอดนักเตะผู้เก่งกาจที่สุดตลอดกาล คนที่สามารถทำอะไรให้เกิดขึ้นก็ได้ในสนาม และคนที่เป็นแรงบันดาลใจของนักฟุตบอลมากมายทั่วโลก

เรากำลังพูดถึง โรนัลโด ลุยส์ นาซาริโอ เด ลิมา

หรือที่หลายคนจดจำเขาแบบสั้นๆ ว่า R9

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ผมเพิ่งเจอโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่พาย้อนเวลากลับไปถึงนัดชิงชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกาได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันเป็นสมัยแรก

โฟกัสของเกมนัดชิงในวันนั้นถูกจับจ้องไปที่ โรแบร์โต บาจโจ ซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของทีมชาติอิตาลี ซึ่งเป็นนักเตะที่โด่งดังที่สุดของยุคสมัยนั้น

บาจโจเป็นผู้เล่นในแบบ ‘Fantasista’ นักฟุตบอลที่เหนือขั้นยิ่งกว่า ‘Trequartista’ (หรือ ‘หมายเลข 10’ ในฉบับภาษาอิตาลี) เพราะเป็นมากกว่าแค่คนทำหน้าที่ในการรังสรรค์เกม แต่คือคนที่พร้อมสร้างสิ่งมหัศจรรย์ตัดสินเกมในสนามได้

R9 โรนัลโด ตำนานนักเตะบราซิล

แต่วันนั้นบาจโจ นักเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในปี 1993 กลับเจอเกมรับอันเหนียวแน่นของทีมชาติบราซิล ทำให้เล่นไม่ออก และปิดฉากฟุตบอลโลกครั้งนั้นแบบช้ำๆ ด้วยการยิงรับหน้าที่สังหารจุดโทษคนสุดท้ายของทีมชาติอิตาลี แต่ยิงข้ามคานออกไปไกลแสนไกล

ภาพของ “เทพบุตรเปียทองคำ” ที่ยืนเท้าสะเอวก้มหน้าด้วยความผิดหวังเป็นหนึ่งในภาพระดับ Iconic ของโลกลูกหนัง

ในชั่วขณะเดียวกันที่ซุ้มม้านั่งสำรองของทีมชาติบราซิลที่ออกมาฉลองชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 ของพวกเขา มีหนุ่มน้อยหัวโล้นคนหนึ่งที่มีฟันกระต่ายยื่นออกมาอย่างโดดเด่น ออกมาเฮฮากับสตาร์ทีมชาติบราซิลทุกคนด้วย

เวลานั้นน้อยคนนักที่จะรู้จักโรนัลโด

R9 โรนัลโด ตำนานนักเตะบราซิล

เรารู้กันแค่ว่าเขาคือนักเตะดาวรุ่งวัย 17 ปีที่ถูก มาริโอ ซากัลโล โค้ชทีม ‘เซเลเซา’ ในเวลานั้นหนีบติดทีมมาด้วย โดยที่ไม่ค่อยมีใครเข้าใจหรอกว่าทำไมถึงทำแบบนั้น

ซากัลโลไม่จำเป็นต้องให้คำตอบอะไรกับใครอีกเลย เพราะนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อของโรนัลโดคือชื่อที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดในเกมฟุตบอล

เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นอาจจะคล้ายกับ ลามีน ยามาล ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังทีมชาติสเปนในเวลานี้ที่เป็นคนที่ถูกพูดถึงและได้รับการยกย่องมากที่สุดถึงความมหัศจรรย์ในการเล่นที่เหมือนมีมนตร์สะกดที่ปลายเท้า

แต่ความต่างของยุคสมัยคือในเวลานั้นโลกยังแทบไม่รู้จักกับอินเทอร์เน็ต และเราก็ไม่มีโซเชียลมีเดียที่จะรีรันคลิปวิดีโอการเล่นของโรนัลโด

สิ่งที่เรารับรู้ได้ถึงความมหัศจรรย์ของโรนัลโดคือ “เรื่องเล่า” ที่ผ่านมาทางข่าว บทความ และบทวิเคราะห์ที่หาอ่านได้ตามหนังสือพิมพ์และนิตยสารลูกหนังในเวลานั้น

เรื่องเล่าในเวลานั้นบอกกันว่านี่แหละคือนักฟุตบอลที่เก่งกาจที่สุดในโลกคนใหม่ คนที่อาจจะมีโชคชะตาในแบบเดียวกับเปเล (ได้แชมป์โลกสมัยแรกตั้งแต่อายุ 17 ปีเหมือนกัน แตกต่างกันที่โรนัลโดไม่ได้ลงสนามเลย)

ไม่แปลกหากจะมีคนตั้งข้อสงสัยบ้างว่าสิ่งที่เป็นเรื่องเล่านี้เป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เพราะลีกที่โรนัลโดเล่นอยู่ก็เป็นเพียงดัตช์ลีก กับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ลีกที่ถูกตัดสินจากโลกภายนอกว่าก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรสักหน่อย

จนกระทั่งเราได้เห็นด้วยสองตา

R9 โรนัลโด ตำนานนักเตะบราซิล

โรนัลโดย้ายจากพีเอสวีมาอยู่กับบาร์เซโลนาในช่วงฤดูร้อนของปี 1996 ด้วยค่าตัวถึง 19.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติโลกในเวลานั้น และแน่นอนว่านำมาสู่เครื่องหมายคำถามอีกเหมือนเดิม

ทำไมบาร์เซโลนากล้าทุ่มมากขนาดนี้สำหรับเด็กที่ยังอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น

แต่คำตอบนั้นปรากฏชัดต่อสายตาของทุกคนในเวลาต่อมา

“ปีศาจ” คือสิ่งที่หลายคนคิดเมื่อได้เห็นฟอร์มการเล่นของโรนัลโดในสีเสื้อแดง-เลือดหมูของบาร์เซโลนาในเวลานั้น เพราะนอกจากจะมีสปีดความเร็วที่เหนือมนุษย์แล้ว ยังมีทักษะการครอบครองบอลก็ไร้ที่ติ การตัดสินใจเร็วในระดับมิลลิวินาที (ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แยกระหว่างนักเตะธรรมดากับยอดนักเตะ) การจบสกอร์ที่คมกริบได้ทุกรูปแบบ

ในประเทศไทยยุคนั้นเราไม่มีฟุตบอลลาลีกาให้ชมกันสดๆ แบบยุคนี้ แต่ในช่วงข่าวกีฬาของช่วงต้นสัปดาห์จะมีการนำเสนอข่าวฟุตบอล ซึ่งทำให้ได้เห็นความมหัศจรรย์ของโรนัลโดกันแบบเต็มตา

หนึ่งในประตูที่สุดยอดที่สุดที่เป็นตัวแทนความมหัศจรรย์พันลึกของนักเตะคนนี้คือประตูในเกมที่บาร์เซโลนาพบกับกอมโปสเตลลา ที่โรนัลโดพลิกบอลได้กลางสนามก่อนจะทั้งเตะ ทั้งดึง ทั้งรั้งเสื้อไว้ แถมโดนรุมจากนักเตะคู่แข่งอีก 3-4 คน แต่ไม่มีอะไรหยุดเขาได้เลย

โรนัลโดกระชากพาบอลไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายหลอกยิงหักข้อเข้าเสาแรกไปแบบเหนือชั้นสำหรับคนทั่วไป แต่เป็นเหมือนเรื่องง่ายๆ ที่เขาทำได้ปกติอยู่แล้ว

ลูกนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดประตูตลอดกาลของลาลีกา

แต่ยังมีอีกลูกหนึ่งที่สะท้อนความเป็นปีศาจของโรนัลโดได้ ซึ่งเกิดห่างจากประตูในเกมกับกอมโปสเตลลาไม่นาน เกมนั้นเป็นการพบกันระหว่างบาร์เซโลนากับบาเลนเซีย คู่ปรับจากแดนใต้ เกมนั้นซูเปอร์สตาร์ชาวบราซิลสำแดงอภินิหารให้ชาวโลกได้เห็น

ประตูแรกที่เขาทำได้ในเกมนั้นว่าสุดยอดแล้วด้วยการกระชากแหวกผ่านแนวรับบาเลนเซียเข้าไปยิงประตูแบบง่ายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ประตูสุดท้ายที่เป็นการทำแฮตทริกในวันนั้นคือประตูในระดับตำนานตลอดกาล

จังหวะนั้นบาร์เซโลนาตัดบอลได้แถวกลางสนาม ลูกมาถึงเท้าของโรนัลโดที่อยู่ตรงนั้นพอดี ก่อนที่เขาจะติดเครื่องกระชากพาบอล และ “แหวก” ผ่าน 2 กองหลังของบาเลนเซียไปในแบบที่เหมือนเดินผ่านประตูมิติ ก่อนจะเลือกมุมยิงอย่างเลือดเย็น

ประตูนี้แม้แต่แฟนบอลบาเลนเซียเองก็ยังยอมสยบซูฮกให้

ถึงตรงนี้ไม่มีใครสงสัยหรือตั้งคำถามในตัวเขาอีกแล้ว

โรนัลโดไม่ได้เป็นแค่นักฟุตบอลธรรมดา แต่เป็น “ปรากฏการณ์” ทางเกมลูกหนังที่เกิดขึ้น และผู้คนที่เกิดทันในเวลานั้นโชคดีที่ได้เห็นความมหัศจรรย์นี้

น่าเสียดายสำหรับบาร์เซโลนาที่โรนัลโดอยู่กับพวกเขาได้เพียงแค่ฤดูกาลเดียว มัสซิโม โมรัตติ ประธานสโมสรอินเตอร์ มิลานในขณะนั้นตัดสินใจทุบสถิติโลกอีกครั้งด้วยค่าตัว 27 ล้านดอลลาร์ ในการจ่ายค่าฉีกสัญญาของสตาร์บราซิลเลียนกับบาร์ซาที่พยายามจะรั้งตัวไว้ในคัมป์นูแล้วด้วยการต่อสัญญาใหม่แต่ทำไม่สำเร็จ

R9 โรนัลโด ตำนานนักเตะบราซิล

ที่ จูเซ็ปเป เมียสซา โรนัลโด กลายเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของโลกอย่างสมบูรณ์ เขาคว้ารางวัลดาวซัลโวในเซเรียอาได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฟุตบอลอิตาลีในยุคนั้นคือลีกที่ดีที่สุดของโลก และมีสุดยอดกองหลังที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเก่งกาจที่สุดในโลกอยู่เต็มไปหมด

25 ประตูในฤดูกาลนั้นทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอิตาลี และได้รางวัลบัลลงดอร์ (Ballon d’Or) สมัยแรก (จริงๆ แล้วได้รับในช่วงปลายปี 1997 เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างผลงานกับบาร์ซาและอินเตอร์)

โดยที่สไตล์การเล่นของเขาได้รับการขัดเกลาให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก จากนักเตะที่ใช้สัญชาตญาณในการเล่นล้วนๆ โรนัลโดเริ่มใช้ไหวพริบและการเล่นเพื่อทีมมากขึ้น เขาไม่ได้เป็นแค่ศูนย์หน้าที่รอหาโอกาสเข้าทำประตูอย่างเดียว และไม่ได้คิดจะใช้ลูกเล่นแพรวพราวปั่นหัวกองหลังให้เสียหน้าอีกแล้ว

และบันทึกการเล่นของเขาในเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพที่พบกับลาซิโอ เป็นหนึ่งในบันทึกการเล่นที่สมบูรณ์ที่สุดของนักเตะที่ชาวอิตาลีเรียกขานกันว่า “Il fenomeno” (อิลเฟโนมีโน)

อย่างไรก็ตาม ชีวิตของโรนัลโดประสบกับช่วงขาลงอย่างรุนแรงหลังจากนั้น

อาการป่วยปริศนาในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1998 (ซึ่งยังคงเป็นเรื่องเล่าปริศนาในความทรงจำของแฟนฟุตบอลทั่วโลก) ที่ทำให้เขาไม่อยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการลงแข่งขัน ก่อนที่บราซิลจะแพ้ฝรั่งเศสขาดลอยถึง 3-0 ในนัดชิงที่สตาด เดอ ฟรองซ์ เป็นจุดเริ่มต้นของความตกต่ำ

สไตล์การเล่นหวือหวาของเขานำไปสู่การแตกสลายของร่างกาย

โรนัลโดได้รับบาดเจ็บรุนแรงในระดับเอ็นหัวเข่าฉีกครั้งแรกในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 1999 จนต้องพักการเล่นเป็นเวลานานหลายเดือน

เมื่อกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในช่วงปลายฤดูกาล ด้วยการพบกับลาซิโอในเกมโคปปาอิตาเลีย รอบชิงชนะเลิศในเดือนเมษายน 2000 โรนัลโดซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม ได้อยู่ในสนามเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น ก่อนที่เขาจะล้มลงไปนอนกลางสนามด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ผมจำได้ดีถึงความรู้สึกในวันนั้นเพราะดูการถ่ายทอดสดอยู่ และคิดว่าทุกคนที่ได้ดูน่าจะรู้สึกเหมือนกันคือ เราต่างเจ็บปวดและใจสลายไปด้วยกับโรนัลโด

เพราะนี่คือนักฟุตบอลที่เก่งกาจที่สุด แต่กลับเผชิญกับโชคชะตาที่โหดร้ายที่สุด

นักกายภาพประจำตัวของโรนัลโดอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “สะบ้าหัวเข่าของเขาเหมือนเกิดระเบิดขึ้นมา” และบอกว่า “นี่เป็นหนึ่งในอาการบาดเจ็บของนักกีฬาที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นเลยทีเดียว”

อาการบาดเจ็บครั้งนั้นทำให้โรนัลโดไม่สามารถกลับมาเป็นคนเก่าได้อีกแล้ว

ความเร็วปีศาจของเขาหายไป และสไตล์การครองบอลเปลี่ยนทิศไปมาไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้อีกต่อไป

R9 โรนัลโด ตำนานนักเตะบราซิล

เพียงแต่อย่างน้อยที่สุดโรนัลโดยังพาตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง ด้วยเข่าข้างเดียวก็ยังดีเพียงพอที่จะปลดล็อกทางใจให้ตัวเองได้ด้วยการพาบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2002 โดยเป็นทั้งดาวซัลโวและนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของรายการ (ใครจะลืมทรงผมไดโกโระ?)

หลังจากนั้นเขาย้ายมาอยู่ในสเปนกับเรอัล มาดริด และยังคงความสุดยอดอยู่ ไม่เพียงแต่จะเป็นกำลังสำคัญของพลพรรค “กาลาคติกอส” ร่วมกับซีเนดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก และ ราอูล กอนซาเลซ ยังพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกาได้สำเร็จ และคว้าบัลลงดอร์สมัยที่ 2 (เหตุผลหลักมาจากการพาบราซิลคว้าแชมป์โลก)

ก่อนที่ประกายแสงในตัวจะค่อยๆ ริบหรี่ลงเรื่อย ๆ เพราะสภาพร่างกายที่ไม่เพียงแค่บาดเจ็บหนัก แต่ยังมีไลฟ์สไตล์สุดแสบชนิดที่บางเรื่องลึกๆ ไม่เล่าจะดีกว่า เอาเป็นว่าเป็นนักฟุตบอลที่ใช้ชีวิตได้ “สุด” คนหนึ่ง

ในบั้นปลายชีวิตการเล่น โรนัลโด อำลาเรอัล มาดริด กลับมาอิตาลีอีกครั้งเพื่อเล่นให้กับเอซี มิลาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก แถมบาดเจ็บรุนแรงที่เข่าในระดับต้องพักตลอดฤดูกาลอีกเป็นครั้งที่ 3

ก่อนที่จะกลับไปบ้านเกิดกับโครินเธียนส์ ที่แม้สภาพร่างกายจะแทบไม่ไหวและไม่ได้ดูแลร่างกายด้วย แต่ “คลาส” ยังเหนือชั้นกว่าคนอื่นอยู่ดี เขามีส่วนในการช่วยนำทีมคว้าแชมป์โคปาดูบราซิลในปี 2009 และใช้ช่วงเวลาที่เหลืออย่างมีความสุข โดยมีคนดังทั่วโลกผลัดกันแวะเวียนมาเยี่ยมเพื่อถ่ายภาพคู่เป็นที่ระลึก (จนโดนแซวว่าเป็นซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งที่พอเล่นฟุตบอลได้นิดหน่อย)

R9 โรนัลโด ตำนานนักเตะบราซิล

แน่ละ ถ้าเราว่ากันด้วยผลงานและเกียรติยศแล้ว R9 คนนี้อาจจะไม่ได้เป็นนักฟุตบอลที่สะสมสิ่งเหล่านี้เอาไว้มากที่สุด และแน่นอนว่ามันย่อมมีคำถามตามมาว่าถ้าเขาเกิดในยุคนี้ สไตล์การเล่นแบบ “ข้ามาคนเดียว” จะยังไหวหรือไม่ หรือถ้าเขามีทัศนคติแบบมืออาชีพมากกว่านี้ เขาจะไปได้ไกลถึงไหนกัน

แต่เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก เพราะในความมหัศจรรย์ของโรนัลโดแล้ว ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนที่จะเป็นแบบเขาได้อีก กับนักเตะที่มีครบทุกอย่าง เก่งกาจจนเหมือนมาจากดาวคนละดวงกับคนอื่น

นักเตะแบบนี้ห้าสิบปีหรือร้อยปีอาจจะมีสักคน หรืออาจจะมีแค่คนเดียวก็ได้ในชั่วชีวิตหนึ่ง

โดยที่ลึกๆ ในใจของใครหลายคนแล้ว ถ้าเราถามว่าโรนัลโด “ต้นตำรับ” คนนี้สุดยอดแค่ไหน

คนที่รู้จักและรักฟุตบอลจะรู้คำตอบดีอยู่ในใจ

แค่นี้ก็พอแล้ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

ราคารีเซลตั๋วหนัง IMAX เรื่อง The Odyssey ของ Christopher Nolan สูงทะลุ 1,000 ดอลลาร์แล้ว แม้จะฉายปีหน้า

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘O Fenômeno’ ทำไม R9 ถึงเป็นนักเตะที่หาไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

‘วิเชียร’ พร้อมคณะเปิดงาน ’Legal Career Expo‘ จัดทนายความพบสำนักงานกฎหมายชั้นนำ

ไทยโพสต์

Tropical storm to bring heavy rain to northern and central regions this week

Thai PBS World

SOCIETY: ถ้าคุณรู้สึกว่าช็อกโกแลตยุโรป ‘รสชาติต่าง’ จากช็อกโกแลตอเมริกัน และที่อื่นๆ… คุณไม่ได้คิดไปเอง

BrandThink

ประวัติวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวงคู่บ้านคู่เมืองปากน้ำโพ

TNN ช่อง16

พบร่างหนุ่มส่งพัสดุถูกทิ้งป่าข้างทาง แม่เชื่อลูกถูกทำร้ายเสียชีวิต ก่อนนำมาทิ้งอำพราง

สยามนิวส์

พท.โวเจรจาภาษีสหรัฐแนวโน้มดี เรทอยู่ในค่าเฉลี่ยภูมิภาค ยันเดินหน้าเพื่อผลลัพธ์ดีที่สุดของประเทศ

Manager Online

เตือนระวัง! ถนนชำรุดเป็นหลุม ปากซอยสุขุมวิท 62 แยก 9

INN News

อุตุเตือนฉบับ 3 รายชื่อ “55 จว.” ต่อไปนี้ ฝนตกหนักถึงหนักมากเตรียมอพยพ

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Karun ร้านชาไทยเพียวๆ ที่ใส่ Branding Experience ในทุกแก้ว

THE STANDARD

ลิเวอร์พูลกับไลน์อัพคาดการณ์ฤดูกาล 2025/26

THE STANDARD

Zico ชี้ เสน่ห์ฟุตบอลหายไปจากทีมชาติบราซิล แต่ อันเชล็อตติ คือความหวังในการฟื้นคืนจิตวิญญาณลูกหนังแซมบ้า

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...