‘ญดา นริลญา’ เปิดใจตรงไปตรงมายอมรับชอบผู้หญิง เปิดสเปคที่ถูกใจอยู่ใกล้แล้วใจฟู!
กลายเป็นประเด็นที่สร้างความเซอร์ไพรส์และได้รับความสนใจอย่างมาก เมื่อนักแสดงสาวมากฝีมือ "ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร" ควงคู่ "คุณแม่พลอย" มาเปิดใจถึงเส้นทางชีวิตและวงการบันเทิงในรายการ "คุยแซ่บShow" ซึ่งบางช่วงของรายการ สาวญดาได้เผยถึงเรื่องราวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน บอกเลยพอหลายคนรับรู้แล้วแทบอึ้งกับคำตอบดังกล่าวอย่างมาก
คุณแม่พลอย เผยว่า “จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการหลังจากที่เราแยกทางกับคุณพ่อเขาไปแล้ว และอาม่าหรือคุณย่าของญดา เขาเริ่มป่วย ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม อยากให้น้องมาเยี่ยม ก็เลยให้มาเยี่ยม เผอิญเจอคนที่อยู่ในซอยบ้านเดียวกับอาม่า เขาเป็นตัวประกอบ เขาก็บอกว่าน้องหน้าตาน่ารัก พาไปโมเดลลิ่งถ่ายรูปไว้ จากนั้นเราก็พาลูกเรามาแคสต์ ตีรถจากสุพรรณมากรุงเทพ
อย่างครั้งแรกเราเข้าใจว่ามาแคสต์แล้วได้เลย แล้วพอมันไม่ได้ มันทำให้เราเฟล และในวันที่เราไปแคสต์ ก็เจอเด็กที่พวกเขาเคยออกทีวีแล้ว แล้วเราก็เลยมองหน้าลูก เรารู้ว่าลูกเราอยากทำ แต่ก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเขา เรามีคำพูดอยู่ในใจ แต่เราไม่อยากบอกลูก เพราะการที่เข้ามาอยู่ในวงการนี้ ทุกอย่างมันต้องมีต้นทุน ทุกอย่างมันมีความพยายาม ซึ่งลูกเรามี แต่พอมันมีองค์ประกอบต่างๆ อีกหลายอย่างหรือศักยภาพทางร่างกายก็เป็นรอง”
คุณแม่ เผยต่อว่า “แล้วสิ่งที่เราพูดกับลูกวันนั้น อย่างที่บอกว่าทุกอย่างมันมีต้นทุน เราเลี้ยงลูกค่อนข้างลำบาก ในการมาทุกครั้งมันมีค่าใช้จ่าย การที่เราพาลูกมา เราต้องทิ้งงานตัวเอง ซึ่งแสงมันริบหรี่มาก เราก็บอกลูกว่าวันนี้มา เราทำให้เต็มที่ แต่ถ้ามันยังไม่ได้ เราพักก่อนเนอะ รอให้ลูกโตกว่านี้ แล้วเราค่อยมาเริ่มใหม่
ส่วนเรื่องความรักของญดา คุณแม่จะเป็นคนเปิดไพ่ตรวจสอบให้ก่อน ด้วยอายุของน้องเขาเอง ก็ไม่ติดเรื่องการมีความรัก ในเรื่องของหน้าไพ่และการทำงานในวงการ มันเป็นเหมือนเส้นขนาน มันต้องเลือกระหว่างความรักกับการทำงาน แล้วสเปกคนในวงการที่เขาชอบ เขาชอบอิ้งค์ วรันธร ตอนแรกเราก็สงสัย ไม่เห็นเขาชอบดาราผู้ชายเลย ซึ่งในส่วนของเรา ก็แล้วแต่เขาเลย มีสิ่งเดียวที่แม่จะไม่บังคับ ก็คือเรื่องความรัก”
ญดา เผยว่า “สำหรับจุดเริ่มต้นที่เข้าสู่วงการ ก็แคสต์ไปประมาณ 13 งาน แล้วถ้าไม่มีประโยคนี้ออกมาจากคุณแม่ มันอาจจะต้องใช้เวลานานกว่านั้นจะได้งาน 13 งานติดต่อกัน มันก็ผิดหวัง ไม่ได้สักงาน แต่หนูมีเทคนิค การที่เราไม่ได้โฆษณานั้น เรากลับบ้านไป ค้นหาดูโฆษณาแบรนด์นั้น ฝึกซ้อมว่าพวกเขาทำการแสดงกันอย่างไร และมีวันหนึ่งถ้าไม่มีประโยคนี้จากคุณแม่ หนูคงไม่เป็นหนูในทุกวันนี้ แม่พูดว่า “นี่เป็นการแคสต์งานครั้งสุดท้ายของหนูแล้ว ถ้าหนูไม่ได้อีก แม่จะไม่พามาแล้ว” ซึ่งพอเราได้ยินประโยคนี้เราร้องไห้เลย หนูร้องไห้แข่งกับฝนที่ตกลงมา รู้สึกเสียใจมากที่คุณแม่จะไม่พาเรามาแล้ว
หลังจากที่คุณแม่พูดประโยคนั้นออกมา เหมือนเราคิดสู้ขึ้นมามากกว่าปกติ มีความมั่นใจว่ามันจะต้องได้ เป็นการให้ความหวังตัวเอง สรุปวันนั้นก็แคสต์ผ่าน 3 งานเลย วันนั้นที่เราได้สามงาน เราดีใจมาก หนูเป็นคนไม่ยอมแพ้ ชอบอะไรที่มันท้าทาย ซึ่งการที่เราได้สามงาน มันคือจุดเริ่มต้นก้าวแรกในวงการบันเทิง แล้วคือจุดเปลี่ยนของชีวิตเลย
เราอยู่วงการมานาน อยู่ประมาณ 7-8 ปี แล้วมีอยู่วันหนึ่งเราก็ไปค้นหาใน Google ถึงความหมายของชื่อ เดิมชื่อเล่นว่า “น้องเบนซ์ ณัฐธิดา” แปลว่าหญิงสาวลูกคนนักปราชญ์ เราก็รู้สึกว่าเอ๊ะ…ทำไมเขาถึงทักเราตรงขนาดนี้ ที่ผ่านมาสุขภาพก็ไม่ค่อยดี เราจึงตัดสินใจบอกแม่ว่าขอเปลี่ยนชื่อนะ แล้วหลังจากที่เปลี่ยนชื่อมาได้สามวัน จีดีเอช ก็ติดต่อมาให้รับบทเป็นมิ้ง ในเรื่องร่างทรง
ส่วนความรักก็คือก่อนหน้านี้ไม่เคยมีแฟน และตอนนี้ก็ยังเป็นสีขาวอยู่ คือเราไม่ได้ชอบผู้ชาย เราชอบผู้หญิง เราไม่รู้มาก่อน ยังไม่เคยมีแฟน สังเกตจากการเข้าฉาก เข้าฉากกับผู้ชายหนูตาแข็งมาก เราจะไม่ใจสั่น แต่เวลาเข้าฉากกับผู้หญิงเราจะใจฟู แล้วการที่เราชอบผู้หญิง คือชอบผู้หญิงหวานๆ ชอบคนเรียบร้อย ชอบคนหน้าตาเรียบร้อย เรียบร้อยกว่าหนูอีก”