บุหรี่เถื่อนกัมพูชาทะลักเข้าไทย สมาคมการค้ายาสูบฯ จี้นายกฯจัดการเด็ดขาด
นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ชายแดนมีความเปราะบาง ทำให้ขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนจากกัมพูชามีช่องทางในการเคลื่อนไหวมากขึ้น บุหรี่ที่ถูกผลิตขึ้นโดยไม่ได้มาตรฐานจากโรงงานในประเทศกัมพูชา ถูกลักลอบนำเข้าสู่ประเทศไทยโดยไม่เสียภาษีอย่างถูกต้องผ่านช่องทางพรมแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจังหวัด จันทบุรี ตราด สระแก้ว
ที่สำคัญบุหรี่เหล่านี้ มีราคาถูกดึงดูดผู้บริโภค และดึงดูดให้ผู้ขายทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์บนโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดธุรกิจใต้ดินที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างร้ายแรง ส่งผลให้รายได้ภาษีของรัฐและรายได้อื่นหายไปกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นผลกระทบที่ไม่อาจยอมรับและเพิกเฉยได้
โดยบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอม เป็นบ่อนทำลายรายได้ของรัฐ ทำให้สูญเสียรายได้จากภาษีสรรพสามิตยาสูบและรายได้อื่น ๆ เงินเหล่านี้ควรถูกนำไปพัฒนาประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย แต่กลับหายเข้ากระเป๋ากลุ่มอาชญากร นอกจากนี้ขบวนการดังกล่าวยังทำลายระบบเศรษฐกิจที่สุจริต ทำให้ธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายได้รับผลกระทบอย่างหนัก ร้านค้าโชห่วยจำนวนมากได้รับผลกระทบในด้านยอดขาย
หลายร้านถูกผู้ไม่หวังดีนำบุหรี่ปลอมเครื่องหมายการค้า ปลอมสแตมป์สรรพสามิตมาหลอกขายด้วย ซึ่งบุหรี่เถื่อนไม่ได้ถูกควบคุมคุณภาพ อาจมีสารพิษปนเปื้อนในระดับที่สูงกว่าบุหรี่ถูกกฎหมายหลายเท่า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชนผู้บริโภคในระยะยาว
ดังนั้น สมาคมการค้ายาสูบไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาใช้ศักยภาพและอำนาจเต็มที่ในการแก้ไขปัญหานี้ โดยมองว่าการแก้ไขปัญหาบุหรี่เถื่อนเป็นภัยต่อ “อธิปไตยทางเศรษฐกิจ” และ “ความมั่นคงของชาติ” ที่รัฐบาลต้องปกป้องอย่างถึงที่สุด เพราะการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนมักเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายอื่น ๆ เป็นการคุกคามความมั่นคงบริเวณแนวชายแดนโดยตรง
นางสาวธัญญศรัณ กล่าวว่า สมาคมฯ ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี“แพทองธาร ชินวัตร” ใช้มาตรการเชิงรุกที่ชายแดน เช่นเดียวกับที่ประกาศยกระดับปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา อาจเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่และเทคโนโลยีในการเฝ้าระวัง ตรวจจับ และปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง และดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดกับผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ลักลอบนำเข้า โดยไม่มีการละเว้น รวมถึงขยายผลการปราบปรามผู้บริการขนส่งภายในประเทศที่เป็นตัวแปรหลักที่ทำให้สินค้าผิดกฎหมายเหล่านี้แพร่กระจาย เช่น ศูนย์ไปรษณีย์ขนาดใหญ่ในจังหวัดชลบุรี หาดใหญ่ หรือศูนย์คัดแยกของบริษัทขนส่งเอกชน
“ยิ่งไปกว่านั้น อยากวอนให้พิจารณาช่องทางความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น อาเซียน หรือร่วมกับประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพื่อกดดันให้มีการจัดการแหล่งผลิตในประเทศต้นทาง ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ความมั่นคงของชาติถูกท้าทาย ทั้งจากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และภัยจากบุหรี่เถื่อน สมาคมฯ เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถแสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดและความมุ่งมั่นในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติจากการคุกคามเหล่านี้ได้”