“รวมพลังแผ่นดิน”จุดติด “แดง-ส้ม”ผวานั่งไม่ติด!?
เมืองไทย 360 องศา
การชุมนุมของ “คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมองด้วยสายตามุมไหนก็ต้องบอกว่า มีผู้เข้าร่วม “จำนวนมาก” ส่วนจะนับจำนวนกันแบบไหน จำนวนกี่คนนั้นคงไม่ใช่ประเด็นหลัก เอาเป็นว่า “จำนวนมาก” ก็แล้วกัน และด้วยจำนวนมากดังกล่าวนี่เอง ที่ต้องกล่าวกันว่า “จุดติด” ลบคำปรามาสของฝ่ายอำนาจรัฐ และ “ฝ่ายที่เชียร์ทักษิณ” ทำให้พวกเขานั่งไม่ติด และที่น่าสนใจก็คือ “กลุ่มพลพรรคส้ม” ที่ถึงขั้นเก็บอาการไม่อยู่ ต้องออกมาสร้างกระแสบิดเบือนทำนองว่า มีเจตนาเปิดทางการให้เกิดการ “รัฐประหาร” ขึ้นมา
อย่างไรก็ดี นาทีนี้สำหรับพรรคเพื่อไทย และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถือว่า“หมดสภาพ” ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เวลานี้เพียงแค่รอเวลา “ร่วงหล่น” ในอีกไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงขับไล่จากประชาชน ที่ดังก้องทุกทิศทาง ความระส่ำระสายภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะพังทลายด้วยการ “แย่งชิงผลประโยชน์” และจากคำตัดสินขององค์กรอิสระ รวมถึงองค์กรตุลาการ ที่งวดเข้ามาแล้ว
อย่างน้อยก็ต้องใจระทึกว่าในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี หลังจากมีคำร้องจากกลุ่มส.ว.เพื่อขอให้วินิจฉัยว่า สถานะของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม หรือไม่
ขณะเดียวกัน ในเวลาถัดมายังมีกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ก็ได้พิจารณาคำร้องของส.ว.เกี่ยวกับเรื่อง “เทปลับ” ดังกล่าวด้วยเหมือนกัน เรียกว่าทั้งเรื่องความผิดทางกฎหมาย ความผิดทาง “จริยธรรม” ของ นายกรัฐมนตรี ตามมาเป็นพรวน เรียกว่า “รอดยาก” และที่สำคัญเธอ “หมดสภาพ” และ “หมดความชอบธรรม” ลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ดังนั้น หากมีทางเลือกก่อนที่จะถึงวันชี้ชะตาเอก็มีทางเลือกตอนนี้อยู่สองทางคือ ไม่ “ลาออก” ก็ต้อง “ยุบสภา” เท่านั้น
แน่นอนว่า หากโฟกัสกันเฉพาะเฉพาะหน้าทั้งจากกลุ่มผู้ชุมนุมของกลุ่มที่เรียกว่า “คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา รวมไปถึงกระแสสังคมในเวลานี้ก็คือ การเรียกร้องให้ “ลาออกทันที” เนื่องจากหมดความชอบธรรมไปแล้ว แต่กลายเป็นว่าเธอไม่ได้นำพาใส่ใจ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนที่ผลักดันอยู่ข้างหลังคือ นายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ต้องการให้ “ครอบครัวชินวัตร” ต้องสูญเสียอำนาจ ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาเอาไว้ให้นานที่สุด โดยเลือกการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าไม่ว่าจะ “ดิ้นรน” อย่างไร ก็คงไม่มีประโยชน์ อีกทั้งรัฐบาลชุดใหม่ยังมีลักษณะเป็นรัฐบาล “เสียงปริ่มน้ำ” มีสภาพไม่มั่นคง ประคองกันแบบต่อรองผลประโยชน์ ยิ่งทำลายศรัทธามากขึ้นไปอีก
หากมุมมองแบบนี้ถือว่าทั้งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ในเวลานี้ถือว่า“หมดสภาพ” ดังกล่าวแล้ว เพราะเป็นเพียงแค่ซื้อเวลาไปให้นานที่สุดเท่านั้น ซึ่งในที่สุดแล้วก็เชื่อว่า “ไปไม่รอด” แน่นอน เพียงแต่ว่าจะเลือกแบบไหน ลาออก หรือยุบสภา เท่านั้นเอง
ขณะเดียวกัน ที่ต้องจับตาและโฟกัสกันเป็นพิเศษก็คือ ข้อเรียกร้องให้มีการ “ยุบสภา” โดยอ้างว่าเพื่อ “คืนอำนาจให้ประชาชน” ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่จริงจังมากของ “พรรคส้ม” คือ พรรคประชาชน อ้างในเรื่องหลักการประชาธิปไตย ซึ่งหากพิจารณาแบบเผินๆ ก็ถือว่าเป็นการยึดกุมหลักการ
แต่หากพิจารณากันแบบลงลึกและ “รู้ทัน” ก็ต้องบอกว่า ยึดประโยชน์ของตัวเองเป็นที่สุด เพราะหากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออก ก็จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มาจากรายชื่อที่เป็น “แคนดิเดต” นายกฯ ซึ่งพรรคประชาชน ไม่มีแล้ว หลังจากถูกยุบพรรคก้าวไกลไปแล้ว
หรือแม้แต่มีท่าทีวางเฉย หรือไม่ตอบสนองต่อการ “ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ” นายกรัฐมนตรี ที่เสนอโดย พรรคภูมิใจไทย และสนับสนุนโดยพรรคพลังประชารัฐ จนทำให้ยังตัดสินใจยื่นญัตติไม่ได้ เพราะมี “เสียงไม่พอ” คำถามว่า ทำไมพรรคประชาชน ถึงไม่เอาด้วยกับการยื่นญัตติ “ซักฟอก”
คำตอบ เป็นเพราะหากมีการยื่นญัตติเข้าไปแล้ว มีการบรรจุวาระแล้ว จะทำให้นายกรัฐมนตรี “ไม่สามารถยุบสภา” ในช่วงเวลานั้นได้ ทำให้ความต้องการที่จะให้ยุบสภา ต้องเป็นหมันไปด้วยนั่นแหละ
อีกทั้งหลังจากที่การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจบลง เมื่อคืนวันที่ 28 มิถุนายน สิ่งที่พรรคประชาชนพยายามสร้างกระแสก็คือ การโจมตีการชุมนุมดังกล่าวว่า มีเจตนาเปิดทางให้เกิดการรัฐประหาร และก่อนหน้านั้น ก็เรียกร้องให้มวลชนถอยออกมาจากการชุมนุมอีกด้วย โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พรรคประชาชน ก็แถลงประณามการชุมนุมออกมา
ที่ผ่านมาหากย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดประเด็นร้อนแรงจากกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา พรรคประชาชน โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค และแกนนำคนอื่นต่างพยายาม “ด้อยค่า” กองทัพมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บทบาทของกองทัพ และกองทัพภาคที่ 2 ที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยอย่างแข็งขัน จนได้ใจประชาชน แต่พรรคประชาชน กลับออกมาพูดในลักษณะ “บั่นทอน” ทำนองว่า กองทัพต้องมีบทบาทตามหลังรัฐบาลพลเรือน เท่านั้น
คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังการชุมนุมของ “คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” พรรคประชาชนก็ออกแถลงประณามระบุว่า มีเจตนาเปิดทางให้เกิดการรัฐประหาร ทั้งที่หากพิจารณาจากสาระสำคัญและเป้าหมายของการชุมนุมครั้งนี้ มีเจตนาต้องการ “ขับไล่” และเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกในทันที และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการสนับสนุนทันทีต่างหาก ซึ่งในช่วงเกิดความขัดแย้งร้อนแรงกับฝ่าย นายฮุนเซน และรัฐบาลกัมพูชา พรรคประชาชน กลับเงียบกริบ ไม่มีท่าทีแบบ “เป็นเรื่องเป็นราว” ทำให้มองว่าอาจเป็นเพราะตัวเองรับไม่ได้ที่บทบาทนำตกไปอยู่ที่ “กองทัพ” หรือเปล่า ขณะที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์ จึงต้องเงียบเสียงลง
จากท่าทีดังกล่าวทำให้แม้แต่ “คนกันเอง” ด้วยกันอย่าง นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการ และผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ยังทนไม่ได้ โพสต์ข้อความตำหนิอย่างรุนแรง กรณี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวหาว่า การชุมนุมของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เปิดทางให้กับการทำรัฐประหาร และปลุกปั่นกระแสชาตินิยมที่เกินเลยขอบเขต ว่า "ที่น่าผิดหวังพอๆ กับพรรคเพื่อไทย ก็คือพรรคประชาชน มัวแต่นั่งประดิษฐ์วาทกรรมโน่นนี่นั่น ใช้คำใหญ่โต ด่าฮุนเซน เป็นบิดาแห่งสแกมเมอร์ ใช่ การเมืองต้องมีสีสัน แต่มึงต้องมีสาระด้วย ตั้งแต่เกิดวิกฤตการเมืองล่าสุด พรรคส้ม ได้ตั้งโต๊ะแถลงหรือยัง ได้ออกแถลงการณ์ประนามกัมพูชาหรือยัง ได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือที่สถานทูตเขมรหรือยัง ได้ reach out ไปถึงอาเซียน ขอความช่วยเหลือในการคลี่คลายปัญหาไหม หรือแม้แต่ยกหูโทรศัพท์คุยกับทูตเขมร หรือเปล่า (ถ้าเค้าไม่คุยกับมึง ก็อีกเรื่องนึง)
นอกจากนี้ มีการตั้งโต๊ะแถลงให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไหม รับผิดชอบอย่างไร หาทางออกให้สังคมอย่างไร รวมถึงการหารือร่วมกับฝ่ายค้าน ตัวแทนภาคประชาสังคม NGOs เรื่องนี้อย่างไร ส่ง สส. ให้ไปดู/สังเกตการณ์ชายแดนกัมพูชาไหม หรือสาระแน แต่จับแรงงานต่างด้าวทางภาคเหนือเท่านั้น
แล้วการชุมนุมเมื่อวาน ท่าทีพรรคส้ม คืออะไร มีการประนามการเรียกร้องรัฐประหารทันทีไหม หรือแค่รอดูทิศทางลม อีกเรื่อง ในวิกฤตนี้ พรรคส้มได้ให้การศึกษาสังคมแค่ไหน มี สส คนไหนพูดรู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่นอกเหนือจาก official statement ของรัฐบาลไหม มีใครรู้จริงเรื่องข้อพิพาทล่าสุดไหม หรือข้อมูลเชิงลึกเรื่องผลประโยชน์ฮุนเซน ในธุรกิจชายแดนหรือเปล่า
แน่นอนว่าจากปริมาณและสาระสำคัญของการชุมนุมของ “คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” ถือว่า “จุดติด” แล้ว ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้อีกฝ่าย “นั่งไม่ติด” ไม่ว่าจะเป็น “เครือข่ายชินวัตร” และโดยเฉพาะ พรรคประชาชน ที่มองว่าตัวเองจะเสียประโยชน์ เสียโอกาส เพราะเป้าหมายที่ตัวเองต้องการเพียงแค่ “ยุบสภา” จึงเลือกที่จะเงียบในเรื่องให้นายกฯลาออก หรือแม้แต่ไม่ร่วมมือลงชื่อในญัตติซักฟอก กับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ดังนั้น เชื่อว่าหลังจากนี้จะถูกวิจารณ์ร้อนแรงไม่แพ้กันแน่นอน!!
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO