แบงก์กลางสหรัฐฯ ออกกฎชัด! ธนาคารถือคริปโตเพื่อลูกค้าได้
#คริปโทเคอร์เรนซี #ทันหุ้น - ข้อมูลจาก The Block ได้ระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อชี้แจงว่ากฎระเบียบที่มีอยู่จะนำมาปรับใช้กับธนาคารที่ถือครองสินทรัพย์คริปโตในนามของลูกค้าได้อย่างไร ถือเป็นการเคลื่อนไหวล่าสุดของหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อสร้างความชัดเจนว่าธนาคารสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตนี้ได้อย่างไร
ในแถลงการณ์ที่ออกเมื่อวันจันทร์ คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve Board), สำนักงานผู้ควบคุมสกุลเงิน (Office of the Comptroller of the Currency - OCC) และบริษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง (Federal Deposit Insurance Corporation - FDIC) กล่าวว่า พวกเขามุ่งเน้นไปที่การรักษาความปลอดภัยสำหรับคริปโต และระบุว่าแถลงการณ์นี้ไม่ได้สร้าง "ความคาดหวังในการกำกับดูแลใหม่" อย่างชัดเจน
หน่วยงานต่างๆ ระบุว่า องค์กรธนาคารควรพิจารณาความเสี่ยง เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อื่นๆ โดยความเสี่ยงเหล่านั้นรวมถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ การรักษาการควบคุมกุญแจ (keys) และข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ ตามแถลงการณ์
"องค์กรธนาคารที่กำลังพิจารณาให้บริการดูแลสินทรัพย์คริปโต ควรพิจารณาถึงลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดสินทรัพย์คริปโต รวมถึงเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังสินทรัพย์คริปโต และนำกรอบการกำกับดูแลความเสี่ยงมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง" หน่วยงานต่างๆ กล่าว
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง หน่วยงานหลายแห่งได้ออกแถลงการณ์และจดหมายเพื่อชี้แจงจุดยืนเกี่ยวกับการกำกับดูแลคริปโต ตัวอย่างเช่น OCC กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมว่าธนาคารสหรัฐฯ สามารถซื้อและขายสินทรัพย์คริปโตในนามของตนเองได้ ส่วน FDIC ก็ได้เปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับคริปโต และกล่าวว่าจะอนุญาตให้สถาบันการเงินมีส่วนร่วมในกิจกรรมคริปโตได้โดยไม่ต้องแจ้งให้หน่วยงานทราบล่วงหน้า
หน่วยงานกำกับดูแลที่เป็นมิตรกับคริปโตก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานสำคัญๆ ด้วยเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วุฒิสภาได้ยืนยันการแต่งตั้ง Jonathan Gould อดีตผู้บริหารด้านบล็อกเชน ให้เป็นผู้นำ OCC Gould เคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Bitfury และก่อนหน้านั้นเคยดำรงตำแหน่งรองผู้ควบคุมอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ OCC
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้