ชาวกาฬสินธุ์ ปลดป้าย “ถนน7 ชั่วโคตร” กรมโยธาฯลุยก่อสร้างให้เสร็จแล้ว
ความคืบหน้าโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์งบประมาณ 545 ล้านบาทของกรมโยธาธิการและผังเมือง จัดสรรให้ตั้งแต่ปี 2562-2564 รวม 8 โครงการฯ แต่ผู้รับจ้างรายเดิมก่อสร้างไม่เสร็จแม้แต่โครงการเดียว จนถูกประกาศเวียนห้าง ยกเลิกสัญญากรมบัญชีกลางขึ้นบัญชีดำกับ 2บริษัทฯ และ สตง. กำลังดำเนินการติดตามเพื่อเรียกเงินคืน ขณะที่กรมโยธาฯได้ ผู้รับจ้างรายใหม่ 1 โครงการ กำลังทำการก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ตามที่เดลินิวส์เกาะติดนำเสนอข่าวมาต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ถนนเกษตร-หัวโนนโก เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ที่เคยมีการติดป้าย “ถนน 7 ชั่วโคตร” เนื่องจากผู้รับจ้างโครงการระบบระบายน้ำหลัก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมเมืองผู้รบจ้างทิ้งงาน นายวิจิตร งามชื่น โยธาธิการ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นายสิทธิศักดิ์ ยนต์ตระกูล รองประธานคณะธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์, นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ กธจ.ฯ, พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย กธจ.กาฬสินธุ์, นายกีรฒิการย์ พิมพะนิตย์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์, นายวิทยา ปัญจมาตย์ ผอ.ทสจ.กาฬสินธุ์, นายมะณี อุทรักษ์ ผอ.สถานีอุตุนิยมวิทยากาฬสินธุ์ พร้อมด้วยส่วนราชการ ลงพื้นที่ให้กำลังชาวบ้าน หลังผู้รับจ้างรายใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมขึ้นป้ายใหม่ขอบคุณกรมโยธาธิการและผังเมือง แทนป้าย 7 ชั่วโคตรเดิม ที่ถูกปลดลงก่อนหน้านี้ จากสาเหตุสร้างผลกระทบและเดือดร้อนตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
โดยปัญหานี้ คณะธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ เครือข่าย ปปท. และสื่อทุกสำนัก โดยเฉพาะเดลินิวส์ ได้ร่วมกันสอดส่องและติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในช่วงแรกๆแทบจะไม่มีความหวัง พอได้ผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาทำงานต่อจนแล้วเสร็จ ชาวบ้านจึงมีความหวังมากขึ้น ขอบคุณเดลินิวส์และทุกๆสื่อในพื้นที่และส่วนกลาง ช่วยทำหน้าที่เกาะติดอย่างต่อเนื่อง จนถนน 7 ชั่วโคตรได้รับการแก้ไขอย่างเรียบร้อย สวยงาม จนมีการปลดป้ายประชดถนน 7 ชั่วโคตร และขึ้นป้ายขอบคุณกรมโยธาฯ ในวันนี้
พล.ต.ต.มนตรี ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย กธจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัญหานี้เบื้องต้นได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชน และผู้ประกอบการในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กรณีผู้รับจ้างฯ ทิ้งงาน กธจ.กาฬสินธุ์ จึงได้ร่วมกับเครือข่าย ปปท. และสื่อมวลชน ร่วมสอดส่องและติดตามการแก้ไขปัญหาจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาตลอด กระทั่งเมื่อเดือน เม.ย.68 กรมโยธาฯได้ผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาดำเนินการสร้างต่อจนเสร็จและก่อนกำหนด ได้สร้างคงวามพอใจให้กับชาวบ้านและผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เป็นหนึ่งในผลงานในการสอดส่อง และคืนความเป็นธรรมให้กับกรมโยธาธิการและผังเมือง ในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว
ขณะที่นายวิจิตร โยธาฯกาฬสินธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาผู้รับจ้างทิ้งงาน จนชาวบ้านขนานนามให้ว่าโครงการถนน 7 ชั่วโคตร ในส่วนกรมโยธาธิการและผังเมือง และสำนักงานโยธาฯ จ.กาฬสินธุ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยามดำเนินการแก้ไขปัญหา และลงพื้นที่ทำความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบมามาตั้งแต่ต้น และติดตามความคืบหน้ามาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ตามนโยบายนายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาฯ ได้ประสานกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา กระทั่งจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่มาดำเนินการจนแล้วเสร็จเรียบร้อย เป็นการแล้วเสร็จก่อนกำหนดอีกด้วย
นายอัมพร อิ่มเสถียร อายุ 59 ปี อดีตข้าราชการ ตัวแทนชาวบ้านผู้เดือดร้อน ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงที่ผู้รับจ้างรายเดิมทิ้งงานนั้น ครอบครัวตนซึ่งเปิดร้านขายของชำและขายอาหาร รวมทั้งเพื่อนบ้าน ผู้ประกอบการต่างๆ ได้รับความเดือดร้อนมาก ทั้งการค้าขายประสบปัญหา อาคารบ้านเรือน ถนนหน้าบ้านทรุดพัง เกิดอุบัติเหตุบ่อย เนื่องจากแรงกระทบกระเทือนจากเครื่องจักรทำงานขณะก่อสร้าง แต่ไม่ได้รับการเยียวยาและแก้ไขปัญหาเลย ต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอด 5-6 ปี พอกรมโยธาฯจัดหาผู้รับจ้างร้ายใหม่เข้ามาทำงานจนแล้วเสร็จ
“ชาวบ้านต้องขอขอบคุณกรมโยธาฯ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันติดตามการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด กระทั่งการก่อสร้างแล่วเสร็จในวันนี้ สิ่งที่ตนและชาวบ้านต้องการคือการเยียวยาความเสียหาย อันเกิดจากการก่อสร้างของผู้รับจ้างรายเดิมที่ทิ้งงาน รวมทั้งอยากขอทวงถามส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยว่าจะเรียกเงินคืนจากผู้รับจ้างรายเดิมที่ทิ้งงานคืนเมื่อไร เพื่อที่จะนำเงินจำนวนนั้นมาคืนแผ่นดิน หรือนำมาเยียวยาชาวบ้านและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปัญหา7 ชั่วโคตร ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์จะคลี่คลาย พี่น้องประชาชนผู้เดือดร้อน ยอมที่จะปลดป้ายที่เป็นสัญลักษณ์ในการใช้ประณามผลงานของผู้รับจ้างทิ้งงานจาก2บริษัท แต่สำหรับโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ด้วยงบประมาณกว่า 545 ล้านบาทยังคงหลงเหลืออีก 7 โครงการ กรมโยธาฯยังไม่สามารถหาผู้รับจ้างมาทำงานในพื้นที่ได้ อีกทั้งยังมีเงินที่ถูกเบิกไปแล้วกว่า 250 ล้านบาท ที่ยังอยู่ในมือของ สตง. ในการติดตามเพื่อเรียกเงินคืนประชาชนจึงคาดหวังว่าภาษีที่สูญเสียไป จะสามารถเรียกคืนมาได้ไม่มากก็น้อย.