ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าดันหุ้นไทยไปต่อ 1,210 - 1,240 จุด เน้นย่อรับ "SAWAD"
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า หลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯรายงานตัวเลขภาคแรงงานที่อ่อนแอ ก็ยังพบตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศต้นสัปดาห์นี้อ่อนแอเช่นกัน นำโดย ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน เดือน มิ.ย. ลดลง -4.8%m-m และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน มิ.ย. ลดลง -9.4%m-m
อย่างไรก็ดี เริ่มกลับมาเป็นแรงกระตุ้นโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยช่วงถัดไปมากขึ้น โดยความน่าจะเป็นล่าสุดในการลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย. และ ธ.ค. ขึ้นสู่ระดับ 98% และ 85% สะท้อนปีนี้ FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง
ส่วนด้านตลาดน้ำมันดิบ ย่อเป็นวันที่ 3 ตอบรับความกังวลจากอุปสงศ์ที่อาจชะลอตัวหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอ ผสานกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC เพิ่มแรงกดดันต่ออุปทานในช่วงถัดไป
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังคงได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้า โดยวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิราว 2.6 พันล้านบาท สอดคล้องกับ Valuation ของ SET ที่อยู่ในระดับไม่แพงนัก โดยล่าสุดเทรดที่ PE 14.4 เท่า เทียบเคียงค่าเฉลี่ย P/E 10 ปีย้อนหลัง ลบ 1.0 s.d. ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงนี้คือ การรายงานงบของบริษัทจดทะเบียน
จับตาการเคลื่อนไหวของหุ้น THAI ซึ่งทุกการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นทุก 1 บาท จะมีผลต่อ SET ราว 2.25 จุด
ส่วนคืนนี้เกาะติด US ISM ภาคบริการ เดือน ก.ค. โดยคาดขึ้นสู่ 51.5 จุด จาก 50.8 จุด สำหรับกลยุทธ์ในช่วงนี้ยังเน้นย่อสะสมหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 2Q25 เติบโตดี
คาด SET วันนี้ “ฟื้นตัวต่อ” ในกรอบ 1,210 - 1,240 จุด ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มแผ่ว กระตุ้นโอกาสในการลดดอกเบี้ยมากยิ่งขึ้น เพิ่มแรงเก็งสินทรัพย์เสี่ยง ส่วน SET ยังได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้า ท่ามกลาง Valuation ที่ยังน่าสะสม กลยุทธ์ยังคงเน้นย่อตั้งรับหุ้นที่มีโมเมนตัมเชิงบวก
โดยวันนี้แนะนำ “SAWAD” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.50 บาท การเติบโตของสินเชื่อในปีนี้คาดอยู่ที่ระดับ 5-10% โดยมีแรงหนุนจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเป็นหลัก (เด่นกว่าสินเชื่อเช่าซื้อ) ขณะที่แนวโน้มขาดทุนรถยึดจะค่อยๆลดลง
แม้กำไรไตรมาส 2/68 คาดจะอ่อนตัวลง q-q แต่มีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดเพียง 6.8 เท่า ถูกสุดในหุ้นจำนำทะเบียนขนาดใหญ่