วิโรจน์จี้กัมพูชาเก็บศพทหาร แนะไทยยื่นประท้วงช่องทางนานาชาติ
วันนี้ (5 ส.ค.2568) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะกรณีที่กองทัพกัมพูชาปล่อยทิ้งศพทหารของตนเองในพื้นที่การรบโดยไม่จัดการตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งถูกมองว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
นายวิโรจน์ระบุว่า การที่กัมพูชาไม่เก็บกู้ศพทหารของตนเองนั้น ขัดต่อหลักมนุษยธรรมและเป็นการไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต แม้จะไม่สามารถคาดเดาความคิดของผู้นำกัมพูชาอย่าง ฮุน เซน และ พล.อ.ฮุน มาเนต ได้ แต่เชื่อว่าพวกเขาควรให้เกียรติทหารของตนเช่นเดียวกับที่ไทยปฏิบัติ
ฝ่ายไทย โดยเฉพาะ รช.กลาโหม ได้ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยจัดการศพทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตอย่างสมเกียรติ เช่น การส่งมอบศพ 12 นายเมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายวิโรจน์หวังว่ากัมพูชาจะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของทหารและลดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนของตน
นายวิโรจน์ชี้ว่า กัมพูชามีประวัติละเมิดข้อตกลงหยุดยิงถึง 651 ครั้ง ซึ่งทำให้การเจรจาต้องรอบคอบและมีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แนะนำให้ไทยใช้เวทีประชาคมโลก เช่น อาเซียน หรือสหประชาชาติ (UN) เพื่อยืนยันว่าไทยเคารพข้อตกลงทุกประการ โดยมีตัวแทนจากนานาชาติหรือทูตเป็นพยานในการเจรจา เช่น การประชุม GBC การมีเอกสารและการแถลงการณ์ที่ชัดเจนจะช่วยปกป้องไทยจากการถูกกล่าวหาว่าละเมิดข้อตกลง
นายวิโรจน์ยังเตือนว่ารัฐบาลไทย ต้องระวังไม่ให้ตกหลุมพรางที่กัมพูชาอาจจัดฉากเพื่อยั่วยุให้ไทยเสียเปรียบในเวทีนานาชาติ พร้อมยกตัวอย่างว่ากัมพูชาอาจใช้การสื่อสารที่บิดเบือนเพื่อกล่าวหาไทย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการเจรจาในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่กำลังพิจารณากรณีพิพาทนี้อยู่
แนะให้กระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติมีบทบาทมากขึ้นในการประท้วงผ่านช่องทางนานาชาติ เช่น การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน หรือเวทีความมั่นคงภูมิภาค เพื่อแจ้งให้ที่ประชุมทราบหากกัมพูชาละเมิดข้อตกลงซ้ำ
นายวิโรจน์เห็นว่ายุทธศาสตร์ของไทยเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แต่ยังมีการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนในบางครั้ง ซึ่งอาจถูกกัมพูชานำไปใช้โจมตีได้ การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจากทีมโฆษกรัฐบาลหรือกระทรวงกลาโหมอาจทำให้กัมพูชากล่าวหาว่าไทยจงใจบิดเบือนข้อมูล ดังนั้น ทุกย่างก้าวของไทยต้องรัดกุม เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และรักษาคำมั่นสัญญา เพื่อปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติในเวทีโลก
เมื่อถูกถามถึงการเสนอยกเลิก MOU 43 (เขตแดนทางบก) และ MOU 44 (เขตแดนทางทะเล) นายวิโรจน์ระบุว่า การยกเลิกไม่ใช่เรื่องยาก แต่การร่างข้อตกลงใหม่ต้องรอบคอบและโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าไทยจะไม่เสียเปรียบ เขาย้ำว่าไทยไม่เคยละเมิด MOU ดังกล่าว แต่กัมพูชาต่างหากที่ละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การร่าง MOU ใหม่ควรเปิดให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เพื่อให้ได้ข้อตกลงที่รัดกุมและเป็นประโยชน์ต่อชาติมากขึ้น
อ่านข่าวอื่น :
ฮุน เซน ขู่ยึดที่ดิน-สัญชาติ แรงงานกัมพูชาในไทยกังวลแห่กลับบ้าน