จับแก๊งค้าทารกข้ามชาติอินโดนีเซีย จองตั้งแต่ในท้อง เริ่มต้น 2 หมื่นบาท
18 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าว BBC รายงานว่า ตำรวจอินโดนีเซียได้เปิดโปงขบวนการค้าทารกข้ามชาติ ที่ขายเด็กทารกกว่า 25 คนให้ผู้ซื้อในสิงคโปร์มาตั้งแต่ปี 2566
เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียทำการจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการ 13 คนในจังหวัดปนตีอานัก และจังหวัดปนเติน ของอินโดนีเซีย และได้ช่วยเหลือเด็กทารก 6 คนที่กำลังจะถูกค้าต่อ เด็กทั้ง 6 มีอายุราว 1 ปี
สุระวัน ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนคดีอาญาทั่วไปของตำรวจชวาตะวันตก กล่าวกับผู้สื่อข่าว BBC อินโดนีเซียถึงกระบวนการค้าเด็กทารกเหล่านี้
“เด็กทารกนั้น ในทีแรกถูกนำตัวไว้ที่จังหวัดปนตีอานัก และมีเอกสารเข้าเมืองเตรียมไว้พร้อมก่อนจะถูกส่งตัวไปสิงคโปร์”
เปิดวิธีค้าทารกอินโดนีเซีย ราคาหัวละ 2 หมื่นบาท
ตำรวจอินโดนีเซียกล่าวว่า วิธีการดำเนินการของขบวนการค้ามนุษย์นี้คือ พุ่งเป้าไปที่แม่ หรือผู้ปกครองที่ไม่มีความต้องการอยากเลี้ยงเด็ก ในบางกรณีจะใช้วิธีการติดต่อเหยื่อทางโซเชียลมีเดีย Facebook ก่อนจะปลีกไปพูดคุยในช่องทางที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นอย่าง WhatsApp
“เด็กบางคนถูกจองตัวไว้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ด้วยซ้ำ” สุระวันกล่าว “พอเกิดมาแล้ว ค่าขนส่งก็ครอบคลุมไว้ให้ จากนั้นก็ได้ค่าตอบแทน แล้วเด็กก็ถูกพาตัวไป”
ตำรวจกล่าวว่า ผู้มีส่วนร่วมประกอบไปด้วย คนตามหาเด็กที่จะเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ คนเลี้ยงดูเด็ก และคนให้ที่พักอาศัย นอกจากนี้ยังมีการเตรียมเอกสารปลอม อย่างเอกสารครอบครัว หรือหนังสือเดินทาง
หลังจากเด็กทารกถูกพาตัวมาจากแม่แล้ว เด็กก็จะถูกส่งตัวให้ผู้เลี้ยงราว 2-3 เดือน ก่อนถูกส่งตัวไปจาการ์ตา และต่อไปที่ปนตีอานัก จังหวัดที่ใช้เตรียมการสูติบัตร หนังสือเดินทาง และเอกสารอื่น ๆ
เด็กทารกมีราคาระหว่าง 11-16 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย หรือราว 21,927-31,894 บาท
จากคำให้การของผู้มีส่วนในการค้ามนุษย์ครั้งนี้ ขบวนการได้ขายทารกเพศชายไปแล้วราว 12 คน และเพศหญิงอีก 13 คน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนมากแล้วเด็ก ๆ เหล่านี้มาจากหลายเขตในจังหวัดชวาตะวันตก
ขายลูกได้รับโทษยังไง?
สุระวันชี้ว่า แม้พ่อแม่บางรายจะทำข้อตกลงขายลูกให้กลุ่มค้ามนุษย์เพราะความยากลำบากทางการเงิน แต่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นให้พวกเขาไม่ถูกตั้งข้อหาอาชญากรรม
“มีข้อพิสูจน์แล้วว่ามีการตกลงกันก่อน ระหว่างผู้ปกครองและกลุ่มอาชญากร พวกเขา [ผู้ปกครอง] อาจถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมคุ้มครองเด็ก และการค้ามนุษย์”
ตำรวจจะทำอะไรต่อ
ขณะนี้ตำรวจอินโดนีเซียกล่าวว่า “งานเร่งด่วน” ของพวกเขาคือการตามหาผู้รับเลี้ยงในสิงคโปร์
“เราจะตรวจสอบข้อมูลเด็กที่ถูกพรากไป จะได้รู้แน่ว่าคนไหนที่ถูกพาตัวไป ใครเป็นคนพาไป แล้วเมื่อถูกพาตัวไปแล้ว ใครเป็นคนรับเลี้ยง” สุระวันกล่าว
ข้อมูลจากตำรวจชี้ว่า เด็ก ๆ ที่ถูกค้ามนุษย์ออกไปถูกเปลี่ยนสัญชาติ แต่เจ้าหน้าที่ยังคงตรวจสอบหนังสือเดินทางของพวกเขาอยู่ นอกจากนี้ ตามข้อมูลที่มี เด็ก ๆ ทุกคนถูกพาตัวไปได้จากการตกลงกันระหว่างกลุ่มค้ามนุษย์และพ่อแม่ ยังไม่ทราบว่ามีรายใดที่ถูกพาตัวไปด้วยวิธีลักพาตัว แม้มีกรณีที่พ่อแม่มาแจ้งความกรณีลักพาตัว แต่ตำรวจสอบสวนพบว่า สาเหตุมาจากการไม่ได้รับเงินค่าตัวจากกลุ่มค้ามนุษย์
ตำรวจอินโดนีเซียได้ขอความช่วยเหลือจากองค์การตำรวจสากล (Interpol) และตำรวจสิงคโปร์เพื่อช่วยเร่งจับกุมสมาชิกขบวนการค้ามนุษย์ในต่างประเทศ รวมถึงตัวผู้ซื้อด้วย
สุระวันกล่าวว่า ตำรวจอินโดนีเซียจะไล่ชื่อผู้กระทำความผิด และบุคคลที่ต้องการตัว และจะส่งหมายแดง ขอให้เจ้าหน้าที่ในประเทศเหล่านั้นใช้กฎหมายจับกุมพวกเขา
หญิงไร้หวังคือเหยื่อกลุ่มค้ามนุษย์
ไอ ราห์มายันตี กรรมการคณะกรรมาธิการแห่งคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งอินโดนีเซียกล่าวว่า ผู้ค้ามนุษย์เด็กทารกมักจะพุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงในสถานการณ์ยากลำบาก
“ตัวอย่างเช่น คนที่ต้องตั้งท้องจากความรุนแรงทางเพศ คนที่ถูกสามีทอดทิ้ง หรือคนที่ท้องโดยไม่ตั้งใจจากความสัมพันธ์ชั่วครั้งคราว” เธอกล่าวกับ BBC อินโดนีเซีย
เนื่องจากการยุติการตั้งครรภ์เป็นเรื่องผิดกฎหมายในอินโดนีเซีย ยกเว้นเพียงกรณีเจาะจงบางกรณี อย่างเช่น ความฉุกเฉินทางการแพทย์ และการท้องจากการถูกข่มขืน
ราห์มายันตีชี้ว่า ขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้มักแอบอ้างตนเป็นคลินิกสูติกรรม สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือสถานพักพิงชั่วคราว ที่แลดูเหมือนจะช่วยดูแลผู้หญิงและเด็กในสถานการณ์เปราะบาง
“คลินิกหรือศูนย์พักพิงเหล่านี้มักจะใช้คำพูดที่ดูเห็นอกเห็นใจในทีแรก อย่างเช่น ‘คุณจะคลอดลูกที่นี่ แล้วค่อยพากลับบ้านก็ได้นะ’ แต่ในความเป็นจริง พวกเขายื่นเงินให้ และโอนสิทธิ์ในการดูแลเด็กอย่างผิดกฎหมาย”
ค้าเด็กทารก เทรนด์อาชญากรรมที่กำลังเติบโต
ขณะนี้ไม่มีตัวเลขทางการที่แน่นอนว่ามีเด็กกี่คนถูกค้าในอินโดนีเซีย แต่ข้อมูลจากคณะกรรมการคุ้มครองเด็กชี้ว่า การค้าทารกเป็นเทรนด์ที่คงอยู่มานานและมีแนวโน้มจะเติบโตต่อไป
คณะกรรมการฯ บันทึกคดีการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมอย่างผิดกฎหมายได้ 11 คดีในปี 2563 และในปี 2566 บันทึกได้ถึง 59 คดีเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและค้าเด็กภายใต้หน้ากากการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม
คดีล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2567 เมื่อมีการพบเด็กหลายคนระหว่างกระบวนการขายในเมืองเดป็อก ในจังหวัดชวาตะวันตกและบาหลี ราห์มายันตีกล่าวว่า เด็ก ๆ นั้นถูกตั้งราคาหลากหลายแตกต่างกันไป
“ในชวา ราคาเด็กจะอยู่ราว 11 ล้านรูเปียห์ หรือ 15 ล้านรูเปียห์ แต่ที่บาหลี ราคาอาจสูงถึง 20 ล้านรูเปียห์ ถึง 26 ล้านรูเปียห์ […] ราคายังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง อย่างเช่นรูปร่างหน้าตาของทารก”