“พูลพิพัฒน์” ธุรกิจคลังสินค้าชั้นนำ ภายใต้กลุ่มพูลผล ผนึก ONNEX SOLAR by SCG พัฒนาพลังงานสะอาดเพื่ออนาคต ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัท พูลพิพัฒน์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านคลังสินค้ามากกว่า 60 ปี ธุรกิจภายใต้กลุ่มพูลผล ร่วมกับพันธมิตร ONNEX SOLAR by SCG เดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ในพื้นที่คลังสินค้าของบริษัทฯ เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ธุรกิจทั่วโลกที่ปรับตัวสู่การใช้พลังงานสะอาด ก้าวสู่การขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
คุณอาทิตยา พงษ์สิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท พูลพิพัฒน์ จำกัด เปิดเผยว่า จากกระบวนการทำงานภายในคลังสินค้า ซึ่งทำให้มีการใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง การบริหารต้นทุนพลังงานจึงเป็นหัวใจสำคัญของความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ จากผลสำรวจของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า 54.9% ต้นทุนพลังงานไฟฟ้ามีสัดส่วนคิดเป็น 15–30% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องควบคุมอย่างมีกลยุทธ์ นอกจากนี้ จากความผันผวนของราคาพลังงาน และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมจากภาครัฐและผู้บริโภค ทำให้ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัว ไม่เพียงเพื่อความอยู่รอด แต่เพื่อการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ
“ปัจจุบันแนวคิด Green Warehouse ไม่ใช่แค่การติดตั้งระบบ Solar Rooftop แต่คือการปรับโครงสร้างธุรกิจให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสีย และส่งเสริมเศรษฐกิจที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Circular Economy) ที่สำคัญความยั่งยืนไม่ควรเป็นเพียงแผนงานระยะยาว แต่ต้องเริ่มต้นลงมือทำในวันนี้ และสิ่งที่เริ่มได้ง่ายและเห็นผลเร็วที่สุดคือการใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์” คุณอาทิตยา กล่าว
จากข้อมูลของ SCG international ระบุว่า ระบบ Solar Rooftop สามารถช่วยลดค่าไฟได้สูงถึง 30–50% ต่อเดือนในช่วงเวลากลางวัน และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ได้มากกว่า 500 ตันต่อปีสำหรับโรงงานขนาดกลาง ซึ่งจากความร่วมมือกับ ONNEX SOLAR by SCG ในการติดตั้งระบบ Solar Rooftop ในครั้งนี้ บริษัทฯ เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ชัดเจน อาทิ ค่าไฟฟ้าลดลง 40% ในช่วงเวลากลางวัน และลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ได้อย่างเป็นรูปธรรม มากกว่า 450 ตัน CO2 ต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถใช้พื้นที่หลังคาของคลังสินค้า มาสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยไม่กระทบกระบวนการผลิต หรือผู้เช่าอาคารที่ใช้บริการอยู่ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ
ทั้งนี้ นอกจากการพัฒนาพลังงานสะอาด บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ หนึ่งในแนวทางที่นำมาใช้คือ การนำรถขุดไฮโดรลิคไฟฟ้า และ รถ fork lift ไฟฟ้า มาใช้ในกระบวนการขนถ่ายสินค้า ซึ่งเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยลดการใช้น้ำมันจากฟอสซิล ลดเสียง ลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการ Go Green ขององค์กร
คุณอาทิตยา กล่าวต่อว่า จากความร่วมมือกับ ONNEX SOLAR by SCG นอกจากความเชี่ยวชาญ และชื่อเสียงของบริษัทซึ่งที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้างแล้ว ยังเป็นเพราะ ONNEX มีแนวทางแบบ End-to-End Solution ตั้งแต่การสำรวจ วิเคราะห์ การออกแบบระบบ การติดตั้ง ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย ที่สำคัญคือความสามารถในการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้พลังงานได้อย่างละเอียดผ่าน Energy Audit ทำให้สามารถออกแบบระบบที่ตอบโจทย์กับกระบวนการผลิตจริง โดยมีระบบ Monitoring & Maintenance แบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าแผงโซลาร์ที่ติดตั้งจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดอายุการใช้งาน ด้วยมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่สูง
สำหรับแผนในอนาคต บริษัทฯ มีแผนลงทุนในพลังงานสะอาดต่อเนื่อง โดยมองว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ Solar Rooftop ไม่ใช่เทรนด์ชั่วคราว แต่คืออนาคตของธุรกิจ โดยเฉพาะในบริบทของ ESG – Environmental, Social and Governance ที่ทั่วโลกเริ่มใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินความน่าเชื่อถือขององค์กร โดยในปัจจุบันลูกค้าและคู่ค้าเริ่มนำมาตรฐาน ESG มาใช้ในการพิจารณาคัดเลือก Supplier และ Landlord แล้ว และในอนาคตจะใช้เกณฑ์นี้เป็นหลักในการคัดเลือกเช่นกัน ดังนั้นการลงทุนในพลังงานสะอาดวันนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของต้นทุน แต่คือการวางรากฐานความน่าเชื่อถือในระยะยาว ท้งนี้ แนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อบริษัทในด้านลูกค้าและต้นทุนเท่านั้นแต่ยังเป็นที่ต้องการในตลาดอีกด้วย
“วันนี้บริษัทฯ เชื่อว่าการใช้พลังงานสะอาดไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากมีความตั้งใจจริง และมีพันธมิตรที่มีความรู้อย่าง ONNEX SOLAR by SCG จะช่วยให้ธุรกิจของเราสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” คุณอาทิตยา กล่าว
บริษัท พูลพิพัฒน์ จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านคลังสินค้ามากกว่า 60 ปี พร้อมบริการแบบครบวงจร โดยคลังสินค้าตั้งอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีสาขากระจายอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งจากทำเลที่ตั้งคลังสินค้าของบริษัทฯ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าลดต้นทุน พร้อมกับการสร้างความพึงพอใจ และสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า
ปัจจุบันบริษัทฯ มีคลังสินค้าพร้อมให้บริการจำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย 1. คลังสินค้าสำโรง ถ.ปู่เจ้าสมิงพราย จ.สมุทรปราการ 2. คลังสินค้าพระราม 6 จ.กรุงเทพฯ 3. คลังสินค้าบางไทร ถ.บางปะอิน-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และ 4. คลังสินค้า B38 ถ.บางนา-ตราด กม.38 จ.ฉะเชิงเทรา และคลังสินค้าแหลมฉบัง 1 ถ.สาย 3009 จ.ชลบุรี นอกจากนี้ ยังมีคลังสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 แห่ง ได้แก่ 1. คลังสินค้าแหลมฉบัง 2 ถ.หนองคล้าใหม่ จ.ชลบุรี และ 2. คลังสินค้า B29 ถ.บางนา-ตราด กม.29 จ.สมุทรปราการ โดยคลังสินค้าที่แหลมฉบัง จะไม่ใช่คลังสินค้าทั่วไป แต่เป็น Mini Factory เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีศักยภาพในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ให้มากขึ้น ขณะที่คลังสินค้า B29 จะมุ่งพัฒนาคลังสินค้าที่เป็น Free Zone (เขตปลอดอากร) เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดโลจิสติกส์ได้มากยิ่งขึ้น
หน่วยงานหรือองค์กรที่สนใจสามารถเข้าศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.poopipat.com หรือสอบถามเพิ่มเติมที่เบอร์ 02-2333990 Email : warehouse@poonphol.com
Related posts:
No related posts.
อ่านบทความทั้งหมด ที่ MarketingOops.com