“บิ๊กหวาน” ผนึกกำลังตำรวจสากล ตั้งศูนย์ในไทย กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผอ.ฉก.88) และหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ UNODC ได้เดินทางไปยังสำนักงานใหญ่องค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ณ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส เพื่อบรรยายและแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์อาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสมาชิกขององค์การตำรวจสากล (INTERPOL) รวมทั้งได้ยื่นหนังสือและหารือกับนาย Cyril GOUT ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายกิจการตำรวจ และนาย Abdulaziz OBAIDALLA ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการสนับสนุนส่วนภูมิภาค เพื่อนำเสนอข้อมูลและสถานการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ซึ่งมีฐานที่มั่นในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกัมพูชา ที่ได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจของไทยและนานาชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยรายได้จากอาชญากรรมเหล่านี้มีมูลค่าสูงกว่า 60% ของรายได้ประเทศกัมพูชา (แหล่งที่มา: UNODC) ซึ่ง INTERPOL ตอบรับตั้ง "War Room" ในไทยเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการ
ทั้งนี้ผลจากการหารือเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง โดยองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ได้ยืนยันที่จะร่วมมือกับทางการไทยอย่างเต็มศักยภาพ โดยจะสนับสนุนทั้งเครื่องมือ, ข้อมูลเชิงลึก, การวิเคราะห์ และการวางแผนปฏิบัติการ เพื่อเปิดฉากกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ อีกทั้งจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ INTERPOL มาประจำการที่ "ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ของประเทศไทย (War Room)" ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการนำองค์กรระหว่างประเทศและประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า องค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2466 และมีสมาชิกรวม 196 ประเทศทั่วโลก มีประเทศไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิกอยู่ด้วย รวมทั้งประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ซึ่งองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) จะทำหน้าที่ในการเป็นศูนย์กลางประสานงานความร่วมมือระหว่างตำรวจนานาชาติ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายในประเทศสมาชิก แลกเปลี่ยนข้อมูลคนร้ายและข้อมูลอาชญากรรม ทำให้การขับเคลื่อนการปราบปรามผ่านกลไกขององค์การตำรวจสากล (INTERPOL) จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ โดยมีประเทศไทยเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนและสามารถปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ได้อย่างเด็ดขาด
“มั่นใจว่าการจัดตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ของประเทศไทย (War Room) ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และจะเป็นกลไกทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่มีความสัมพันธ์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกัมพูชา ซึ่งจะทำให้การติดตามจับกุมคนร้ายและการอายัดเงินที่ถูกหลอกลวงสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและทันต่อรูปแบบการกระทำความผิดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยรัฐบาลไทยได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ภายใน 3 เดือนนับจากนี้ ปัญหาอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในประเทศไทยต้องลดลงมากกว่า 50% และที่สำคัญคือ ต้องไม่ให้กลุ่มคนร้ายใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเด็ดขาดอีกต่อไป” พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าว