นอภ.เมืองแม่ฮ่องสอน เผยถ้าส่วนกลางไฟเขียวให้คนในแคมป์ออกรับจ้างในหมู่บ้านรอบศูนย์ได้ จะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้อพยพ
นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เผยถ้าส่วนกลางไฟเขียวให้คนในแคมป์ออกมาทำงานรับจ้างในหมู่บ้านรอบศูนย์ได้ หรือจัดหาพื้นที่ปลูกผักทำการเกษตรรับประทานภายในศูนย์ เหลือส่งขายนอกศูนย์ จะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้อพยพในศูนย์ ฯ ได้ หลัง IRC ถูกตัดเงินช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 ว่าที่พันตรียุทธนา เจ้าดูรี นายอำเภอเมือง จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยปลัดอำเภอ และคณะ เดินทางลงพื้นที่ศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านใหม่ในสอย ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจเยี่ยมรับมอบต่อภารกิจด้านสาธารณสุข สุขภาพอนามัย และ สิ่งแวดล้อม จากองค์กรเอกชน IRC หลังจากสหรัฐอเมริกาตัดงบช่วยเหลือผู้อพยพย เมื่อ 31 ก.ค.68 ที่ผ่านมา องค์กร IRC ไม่มีเงินที่จะสนับสนุนหรือช่วยเหลือดูแลผู้อพยพที่อยู่ภายในศูนย์พักพิงทั้ง 2 แห่ง ได้อีกต่อไป ได้แก่ศูนย์พักพิงบ้านใหม่ในสอย อ.เมือง และศูนย์พักพิงบ้านแม่สุริน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
ว่าที่พันตรียุทธนา เจ้าดูรี นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ภารกิจในการดูแลสุขภาพอนามัย โรคติดต่อสิ่งแวดล้อมอนามัยในชุมชนในพื้นที่พักพิงผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบบ้านใหม่ในสอย องค์กร IRC ได้ส่งมอบองค์กร เช่น ครุภัณฑ์สิ่งก่อสร้าง อาคารอนามัย อาคาร สิ่งแวดล้อมด้านสุภาพในพื้นที่พักพิงให้กับอำเภอเป็นผู้ดูแลต่อเนื่อง เนื่องจาก IRC หมดภารกิจไปเมื่อวันที่ 31 ก.ค.68 ที่ผ่านมา เบื้องต้น นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ ท้องถิ่น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาล เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ในส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นอาคาร โรงเรือน วัสดุ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ อีกส่วนคือบุคลากรซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรมในพื้นที่พักพิง ซึ่งเป็นคนในแคมป์เองที่อบรมมาเรื่องการดูแลผู้ป่วย ดูแลสุขภาพอนามัยสิ่งแวดล้อม ความสะอาด ขยะ น้ำดื่ม สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งประมาณไม่เกิน 1-2 เดือน IRC ก็ยังพอมีเงินสนับสนุนค่าจ้าง ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้กับบุคลากรในแคมป์อยู่ แต่หลังผ่านไปประมาณ 1-2 เดือนข้างหน้านี้งบประมาณส่วนนี้ก็จะถูกตัดซึ่งกระทบกับการทำงานพอสมควร และค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่จะขอสนับสนุนจากส่วนกลางก็คือ บุคลากรที่เป็นเจ้าหน้าที่พยาบาล อาสาสมัคร ซึ่งทำงานอยู่ในโรงพยาบาลในแคมป์ ถ้าจะให้เขาดูแลต่อเนื่องก็จะต้องมีค่าป่วยการหรือค่าตอบแทนให้เขาในการทำงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ภายใน 2 เดือนก็พอประคับประคองไปได้ ถ้าส่วนกลางสั่งการมา มีงบประมาณ มีการสนับสนุน สามารถดูแลต่อเนื่องไปได้ หากไม่มีการสนับสนุนจากส่วนกลางก็จะมีผลกระทบต่อผู้หนีภัยเหล่านี้มาก ก็หนักใจเหมือนกัน แต่ก็จะพยายามดูแลแก้ปัญหาให้ต่อไป
และงานที่ IRC ดูแลก็จะครอบคลุมเรื่องการเฝ้าระวังควบคุมโรค เรื่องของการบริการรักษาสุขภาพเบื้องต้น การรักษาพยาบาล แม่และเด็ก การวางแผนครอบครัว อนามัยสิ่งแวดล้อมซึ่งจะต้องดูแลเรื่องน้ำดื่ม ขยะ ระบบจัดการเรื่องน้ำ สามารถที่จะนำมาบริโภคได้ เป็นงานที่จะต้องเข้าไปดูแลต่อเนื่องจากองค์กร IRC
นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า ส่วนข้อเสนอที่ IRC ได้ประสานและสอบถามมายังอำเภอเรื่องปัญหา อุปสรรค เมื่อ IRC หยุดให้การดูแลไปแล้วก็ยังกังวลเรื่องการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ซึ่งจะหยุดชงัก แม้จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ มียาเพิ่มบางส่วน ถ้านานเกินไปหรือเกินจากนี้ไป 1-2 เดือน ก็จะมีผลกระทบกับผู้หลบหนีภัยได้ และเรื่องการส่งต่อผู้ป่วยที่ไม่มีเงินช่วยเหลือรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลภายนอก หรือโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ก็จะกระทบค่าใช้จ่าย ซึ่งทางอำเภอก็จะประสานไปยังสาธารณสุขจังหวัด เพราะทางอำเภอก็ไม่มีงบประมาณที่จะดูแล ส่วนรถส่งต่อผู้ป่วยจากในแคมป์มาข้างนอก กรณีฉุกเฉิน ทาง IRC ได้มอบรถให้ศูนย์พักพิง จำนวน 2 คัน ไว้ รับ-ส่ง ผู้ป่วย 1 คัน อีก 1 คัน นำไปใช้ในการดูแลสุขภาพอนามัย น้ำดื่ม ประปา หรือขนขยะต่าง ๆ ซึ่งจะให้อำเภอยืมใช้ชั่วคราวจนกว่า IRC จะส่งมอบในโอกาสต่อไป
ส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็จะมีให้เฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ดูแลอยู่ต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มอื่น ๆที่เป็นกลุ่มทั่วไปก็จะถูกตัดเงินช่วยเหลือทั้งหมดก็จะกระทบ เวลามาโรงพยาบาลในตัวเมือง เรื่องระบบน้ำ สุขาภิบาลถ้าไม่ดูแลต่อเนื่องก็อาจจะมีปัญหาการระบาดของโรคต่าง ๆ ทางอำเภอได้แจ้งประสาน IRC ไปแล้วเพื่อประชุมหารือส่งมอบข้อมูลสุขภาพของคนในแคมป์ที่อยู่ในการดูแลของ IRC เดิม เพื่อส่งต่อให้สาธารณสุขจังหวัด รับช่วงดูแลต่อไป
ทั้งนี้ ในระยะยาวจะต้องดูนโยบายจากส่วนกลาง สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย จะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องของการรักษาพยาบาล
อีกเรื่องที่น่าห่วงคือค่าใช้จ่ายในการดูแลเรื่องอาหาร ซึ่งองค์กร TBC รับผิดชอบ และงบประมาณส่วนใหญ่ก็จะถูกตัดประมาณ 60-70 % การดูแลกลุ่มที่หนีภัยปกติ และกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มเปราะปางพิเศษ ซึ่งกลุ่มเปราะบางพิเศษเราดูแลได้ประมาณ 2 เดือน ให้ส่วนกลางเป็นผู้พิจารณา เพราะทางอำเภอเองก็ไม่สามารถที่จะไปหาผู้สนับสนุนที่ไหนได้ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่าในกรณีให้ผู้หนีภัยจากการสู้รบภายในศูนย์พักพิงบางส่วนออกมาทำงานข้างนอกในหมู่บ้านใกล้ศูนย์ซึ่งจะเป็นงานรับจ้างทั่วไปและมีการควบคุมดูแลการเข้าออก เดินทางกลับตรงตามเวลา ห้ามออกนอกพื้นที่กำหนดไว้ จะได้หรือไม่ ว่าที่พันตรียุทธนา เจ้าดูรี นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายส่วนกลาง อำเภอเป็นหน่วยปฏิบัติ ถ้านโยบายส่วนกลางเปิดให้สามารถทำได้ อำเภอเองก็ไม่น่ามีปัญหาในการบริหารจัดการให้เกิดความเรียบร้อยได้ เพราะผู้อพยพก็เป็นกำลังแรงงานที่มีประโยชน์ในพื้นที่ และปัจจุบันก็ยังมีการแอบลักลอบออกมาทำงานรอบ ๆ แคมป์ อยู่แล้ว ก็แบ่งเบาภาระเป็นรายได้ของคนในแคมป์พอสมควร นอกจากนี้ผู้ดูแลศูนย์พักพิงฯขอให้เราจัดหาพื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตัวเมือง และหาพื้นที่เพาะปลูกพืชผักระยะสั้นใกล้ศูนย์พักพิงฯ ให้เขาปลูกพืชผักรับประทานภายในศูนย์หากได้ผลผลิตมากก็จะส่งขายตามหมู่บ้าน ในตลาดเมืองแม่ฮ่องสอน ก็จะทำให้ผู้หนีภัยเหล่านี้มีรายได้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนได้