เบื้องหลังหัวใจลิเวอร์พูล : นักจิตวิทยาผู้คอยเยียวยาในวันที่ทุกอย่างพังทลาย
ที่ ลิเวอร์พูล จะมีอยู่คนคนหนึ่งที่ทำงานอยู่เงียบ ๆ อยู่เบื้องหลังชัยชนะ และอยู่ข้าง ๆ ในวันที่ทุกอย่างพังทลาย…
หนึ่งในคนสำคัญที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้ภายในสโมสรลิเวอร์พูลคือ ลี ริชาร์ดสัน นักจิตวิทยาด้านประสิทธิภาพที่เข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่ปี 2019 ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งเขาได้รับความไว้วางใจจากผู้เล่นเรื่อยมา
ริชาร์ดสัน เองไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเกมลูกหนัง เขาเคยเป็นทั้งนักฟุตบอล โค้ช และผู้จัดการทีม ก่อนจะนำประสบการณ์เหล่านั้นมาหลอมรวมกับความรู้ด้านจิตวิทยาที่เขาศึกษาเพิ่มเติมอย่างลึกซึ้ง
เป้าหมายของเขาคือการ ช่วยผู้เล่นจัดการกับความรู้สึกและสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนผลลัพธ์เชิงลบให้กลายเป็นโอกาสสำหรับการเติบโต
ริชาร์ดสัน มีบทบาทสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
หนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อนคือการได้พูดคุยกับ ดีโอโก้ โชต้า ถึงความท้าทายที่นักฟุตบอลระดับสูงต้องเผชิญ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพูดแทนที่จะเก็บไว้เอง
โชต้า เคยบอกว่า "การได้พูดถึงปัญหาออกมาทำให้รู้สึกแตกต่างไป และช่วยให้ความคิดปลอดโปร่งขึ้น เพราะรู้ถึงปัญหาคือจุดเริ่มต้นของการแก้ไขอย่างแท้จริง"
หน้าที่ของเขาไม่ได้มีเพียงให้คำปรึกษาในยามจำเป็น แต่รวมถึงการทำงานเชิงรุก เช่น การออกแบบแบบสอบถามเชิงจิตวิทยาให้นักเตะทำเป็นประจำทุกสองสามสัปดาห์ เพื่อสะท้อนถึงสภาพจิตใจของตัวเอง และเป็นเครื่องมือเตือนใจว่า พวกเขาไม่ได้อยู่ลำพังในโลกที่กดดันนี้
ซึ่ง โชต้า มองว่า แบบสอบถามนี้เป็นโอกาสสำคัญในการหันกลับมาทบทวนตัวเองอย่างแท้จริง
ริชาร์ดสัน เปรียบหน้าที่ของตัวเองว่าเป็นเหมือนกันชนที่รองรับแรงกระแทกต่าง ๆ ไม่ใช่แค่ของนักเตะ แต่รวมถึงผู้จัดการทีมด้วย เขาช่วยให้ทีมมองผลลัพธ์เชิงลบด้วยมุมมองที่สร้างสรรค์ โดยไม่ละเลยความจริงของสถานการณ์
นอกจากงานกับสโมสรแล้ว ริชาร์ดสัน ยังมีบทบาทในวงการสุขภาพจิตในวงกว้าง เขาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง AIM-FOR บริษัทที่ให้บริการด้านการจัดการประสิทธิภาพ และยังเป็นผู้ก่อตั้ง Safety Net ศูนย์สนับสนุนสุขภาพจิตออนไลน์ที่ได้รับการรับรองจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ
เขาเชื่อว่าสุขภาพจิต ไม่ควรถูกแยกออกจากสุขภาพกาย และควรได้รับการดูแลอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน
"การพูดคุยเรื่องปัญหาทางจิตใจไม่ใช่เรื่องน่าอายอีกต่อไป" ริชาร์ดสัน กล่าว
"นักจิตวิทยาจะ ทำสิ่งต่าง ๆ ไปกับคุณ ไม่ใช่ทำเพื่อคุณ"
ข้อความนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติในวงการฟุตบอลที่เคยปิดกั้นเรื่องสุขภาพจิตอย่างเคร่งครัด
อีกหนึ่งบุคคลที่เป็นที่พึ่งทางใจของผู้เล่น ลิเวอร์พูล คือ บิลล์ บายโกรฟส์ ผู้ดูแลฝ่ายศาสนกิจของสโมสร เขากล่าวว่า ความเศร้าโศกไม่ใช่สิ่งที่ควรเก็บซ่อนไว้ แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และการร้องไห้คือกลไกของหัวใจที่ปล่อยความเจ็บปวดออกมาโดยไม่ต้องใช้คำพูด เป็นคำอธิษฐานที่ไร้เสียงแต่มีพลังมหาศาล
ท่ามกลางความสูญเสียครั้งใหญ่จากการจากไปของ โชต้า เพลง "You'll Never Walk Alone" ไม่ได้เป็นแค่บทเพลงประจำสโมสรเท่านั้น หากยังเป็นบทสวดแห่งความหวังที่ดังขึ้นทั้งในวันแข่งขัน และในพิธีรำลึกผู้จากไปที่ ฮิลส์โบโร่ ซึ่งกลายเป็นสายใยที่เชื่อมโยงความรู้สึกของนักเตะ ทีมงาน และแฟนบอลเข้าด้วยกัน
ความสามัคคีของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้อยู่แค่ในสนาม แต่ฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมขององค์กร ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูง โค้ช นักกายภาพบำบัด ไปจนถึงนักเตะรุ่นพี่ ทุกคนมีบทบาทในการดูแลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
บางคนอาจต้องการเวลา บางคนอาจต้องการพื้นที่ และบางคนอาจเลือกที่จะกลับไปสู่สนามแข่งขันเพื่อเกียรติและความทรงจำของเพื่อนผู้จากไป
โชต้า เคยพูดว่า การลงสนามทำให้เขาเบาสบาย และช่วยให้หลุดพ้นจากความคิดที่ยุ่งเหยิง ช่วงเวลาในสนามคือโลกอีกใบที่เขาได้พักจากความกดดันภายนอก
"ผมรู้สึกว่า พอผมก้าวลงสนาม ทุกอย่างมันปลอดโปร่ง" เขากล่าว "
"มันไม่เข้ามาในหัวเลย ผมไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะเป็นแบบผมหรือเปล่า"
และสำหรับผู้เล่นบางคน การกลับมาลงสนามหลังเหตุการณ์อันน่าเศร้าอาจเป็นหนทางในการเยียวยาตัวเอง
แน่นอนว่า สโมสรจะไม่มีวันกดดันใครในเรื่องนี้ เพราะพวกเขาตระหนักดีว่าแต่ละคนมีวิธีรับมือที่แตกต่างกัน และความเจ็บปวดยังคงสดใหม่เกินกว่าจะเร่งรีบ
สุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูล อาจต้องใช้เวลาฟื้นจากเรื่องนี้ แต่สิ่งที่จะเป็นเสาหลักให้กับการก้าวเดินต่อไป คือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ซึ่งไม่ใช่เพียงคำขวัญในห้องแต่งตัว แต่คือจิตวิญญาณที่ทำให้สโมสรแห่งนี้ ยืนหยัดอยู่บนจุดสูงสุดของฟุตบอลได้เสมอมา
และในทุกก้าวย่างข้างหน้า ลี ริชาร์ดสัน และทีมงานเบื้องหลัง จะยังคงทำหน้าที่ดูแลหัวใจของทีมต่อไป
HOSSALONSO