โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

‘ธปท.’ เตือนเศรษฐกิจครึ่งหลัง ‘เสี่ยงสูง’ พิษภาษีทรัมป์- ปัญหาชายแดน

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ครึ่งหลังปี 2568 “เศรษฐกิจไทย” เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้น ถึงแนวโน้มการเติบโต ท่ามกลางความไม่แน่นอนหลายด้าน ทั้งจากภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็น ส่งออก สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ภาษีนำเข้าทรัมป์

รวมถึงภาคท่องเที่ยวที่อาจไม่ฟื้นตัวเท่าที่คาด ทำให้หลายหน่วยงาน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจไทยใกล้ชิดมากขึ้น

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า หากดูภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 ถือว่าภาพรวมออกมาเป็นไปตามคาด โดยคาดจะออกมาขยายตัวใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ระดับ 3% ส่งผลให้ครึ่งปีแรก เศรษฐกิจไทยออกมาเป็นไปตามคาดที่ระดับใกล้เคียง 3%

สำหรับเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ยอมรับเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น จากความเสี่ยงด้านต่ำ หรือ Downside risk เสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งจากหลายสถานการณ์ที่เสี่ยงมากขึ้น และยืดเยื้อมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

ในภาพเศรษฐกิจโดยรวม วันนี้ตัวเลขที่ออกมาจีดีพีไตรมาสแรกขยายตัวแล้ว 3.1% และคาดไตรมาส 2 ที่ออกมาจะใกล้เคียงกันที่ระดับ 3% ทำให้ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทย จะขยายตัวใกล้เคียง 3% ได้

ส่วนครึ่งปีหลังปีหลังธปท. มองชะลอตัวลงชัดเจนจากระดับนี้ ทั้งการขยายตัวต่ำลงทั้งไตรมาสต่อไตรมาส ดังนั้น วันนี้ ภาพที่ธปท. มองว่าเศรษฐกิจจะชะลอแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นลักษณะซึมยาวมากกว่าจะทรุดหนักเหมือนตกเหว

“มุมมองเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของเราก็ไม่ได้ดีนะ เพราะวันนี้ตัวเลขที่โตได้ มันคือตัวเลข จากภาพเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก และไตรมาส 2ออกมาดี ดังนั้นจีดีพีที่ออกมาคือตัวเลข แต่ความรู้สึก ความยากลำบากประชาชนรู้สึกแย่ เราไม่ได้รู้สึกว่าเศรษฐกิจดีเลย ทำให้เรามองว่าไตรมาส 3-4 ครึ่งปีหลังจะไม่ได้ดีเท่ากับไตรมาสแรกและไตรมาส2ที่ออกมา และถามว่ามีโอกาสเห็นเศรษฐกิจติดลบไตรมาสต่อไตรมาสหรือไม่ ก็เป็นไปได้ แต่เหล่านี้ก็ต้องติดตามพัฒนาหลายเรื่องด้วย”

ทั้งนี้ การที่หลายหน่วยงานออกมาปรับจีดีพีขึ้น เนื่องจากก่อนหน้ามีมุมมองที่ต่ำสำหรับภาพเศรษฐกิจ ดังนั้นการปรับขึ้นครั้งนี้มาจากตัวเลข 2 ไตรมาสแรกที่ออกมาดี ทำให้ปรับจีดีพีเพิ่มขึ้นตามตัวเลขจริงที่ออกมา

เช่นเดียวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ที่ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น เพราะมองว่าเศรษฐกิจโลกและสหรัฐอาจไม่ได้แย่ ฉะนั้นคู่ค้า หรือไทยเองอาจจะไม่ได้แย่เหมือนที่ประเมินไว้

แต่ทั้งนี้ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามพัฒนาการ เพราะความไม่แน่นอนยังอยู่ในระดับที่สูงขึ้น รับเศรษฐกิจครึ่งหลังเสี่ยงสูงขึ้น

โดยรวมด้านความเสี่ยงธปท. ยอมรับมีความเสี่ยงสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลัง โดยเฉพาะประเด็นของภาษีนำเข้าทรัมป์ ที่เป็นหนึ่งในความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตา

และภายใต้จีดีพีที่ 2.3% ของธปท. ปีนี้มีการประเมินภาพบนสมมุติฐานว่าภาษีทรัมป์จะอยู่ที่ราว 18% ซึ่งใกล้เคียงกับที่หลายหน่วยงานประเมินทั้ง สภาพัฒน์ หรือสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แต่หากตัวเลขสูงกว่าที่ประเมินไว้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็อาจมีมากขึ้น

แต่การดูผลกระทบว่า รุนแรงหรือไม่ ต้องดูหลายองค์ประกอบ ทั้งเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งของไทย โดยเฉพาะจีน ภาษีนำเข้าอยู่อัตราใด และธุรกิจไทยจะสามารถปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งผลกระทบแต่ละกลุ่มอาจไม่เท่านั้น

ดังนั้น การประเมินผลกระทบ อาจต้องขอประเมินภาพชัด ไม่เฉพาะตัวเลข แต่อาจต้องประเมินไปถึง ความเชื่อมโยงกับตลาดคู่ค้าต่างๆด้วย

“ถ้ามองผลกระทบจากภาษี ดูจากหลายประเทศคู่ค้าคู่แข่งเราที่ออกมาแล้ว ส่วนใหญ่ประเทศใหญ่ๆ ก็อยู่ที่ 15% ยกเว้นอังกฤษ ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเราก็อยู่ประมาณ 20% บวกลบ เราก็หวังว่าทีมเจรจาของไทยจะทำงานเต็มที่ เพื่อให้เราได้ตัวเลขที่ดีที่สุด”

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้มาจากภาษีทรัมป์ หรือจากประเด็นส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่รวมถึงสถานการณ์ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เริ่มมีผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่

ซึ่งหากยืดเยื้อจะกระทบต่อรายได้ ความเชื่อมั่น และอาจขยายเป็นปัญหาทางสังคมได้ในระยะต่อมา เพราะผลกระทบอาจไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะในพื้นที่ แต่ยังมีผลข้างเคียงไปสู่ความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจในภาพรวม ดังนั้นต้องรอประเมินอีกครั้งว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะยาวนานเพียงใด

สำหรับภาพรวมการส่งออก แม้ตัวเลขครึ่งปีแรกจะออกมาดูดี แต่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวชัดเจนตั้งแต่เดือนมิ.ย. และคาดต่อเนื่องในไตรมาส 3-4 ปีนี้ รวมถึงปีหน้า ที่การส่งออกของไทยน่าจะเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง ซึ่งเหล่านี้เป็นภาพที่ธปท.ประเมินไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การประเมินภาพเศรษฐกิจไทยของธปท. จะมีการประเมินอีกครั้งอย่างเป็นทางการในเดือนต.ค. นี้ ส่วนจะได้ตามเป้าหมายที่ธปท.ประเมินไว้ที่ 2.3% หรือไม่นั้น ต้องรอดูตัวเลขต่างๆ ทั้งจากภาษีทรัมป์ ไทยกัมพูชายืดเยื้อหรือไม่ น้ำท่วมจะลดหรือไม่ เพื่อประเมินภาพทั้งปีอีกครั้ง

ดอกเบี้ยปัจจุบันรับความเสี่ยงระดับหนึ่ง

ส่วนนโยบายดอกเบี้ย คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมอีกครั้งเดือนส.ค.นี้ มองว่าการพิจารณาประเด็นดอกเบี้ยนั้น จะขึ้นกับการประเมินความเสี่ยงที่เปลี่ยนตลอดเวลา ซึ่งดอกเบี้ยปัจจุบันมองว่า เป็นระดับที่รองรับความเสี่ยงต่างๆได้ระดับหนึ่ง (Robust) แต่การแก้ไขปัญหาต่างๆ ดอกเบี้ยไม่ใช่เครื่องมือเดียวในการดูแลเศรษฐกิจ ยังมีมาตรการเสริมจากภาครัฐที่อาจต้องดำเนินการร่วมกันด้วย

ดังนั้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันจะสามารถดูแลเสถียรภาพได้ระดับหนึ่ง แต่ในสถานการณ์ความไม่แน่นอนสูง การตัดสินใจใดๆ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ออกมาข้างหน้าที่ชัดเจนขึ้นก่อน

เศรษฐกิจมิ.ย.ชะลอลง

สำหรับภาพเศรษฐกิจไทย เดือนมิ.ย. ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้า และภาคผลิตลดลง หลังเร่งตัวไปในช่วงก่อนหน้าเพื่อให้ทันก่อนสิ้นสุดการผ่อนผันการปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐ

นอกจากนี้ กิจกรรมที่เกี่ยวกับท่องเที่ยวก็ปรับตัวลดลง ตามจำนวนและรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการบริโภคเอกชนลดลงในเกือบทุกหมวด อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง

ด้านเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบน้อยลงจากเดือนก่อน เนื่องจากผลของหมวดอาหารสด โดยเฉพาะราคาผักผลไม้สดที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน ส่วนตลาดแรงงานทรงตัว และต้องติดตามสัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น

ส่วนภาพรวมไตรมาส 2 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 จากแรงส่งจากการส่งออกสินค้า การผลิตภาคอุตสาหกรรม การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวชะลอลง สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนการบริโภคภาคเอกชนทรงตัว

ทั้งนี้ในระยะต่อไปมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามใกล้ชิด 1.ผลของการเจรจาการค้าของไทยและประเทศต่าง ๆ กับสหรัฐฯ 2.สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 3.พัฒนาการภาคการท่องเที่ยว 4.ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ และ 5.ผลจากมาตรการเศรษฐกิจของภาครัฐ

หนุนนทท.ต่างชาติแลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นบาท

นายณพงศ์ ธวัชโพธิกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายระบบชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงินธปท. กล่าวว่า กรณีที่ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นเกี่ยวกับโครงการทดสอบ (Sandbox) เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้กำกับดูแล เอื้ออำนวยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ แลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทได้นั้น

มองได้ว่า เป็นความพยายามสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถชำระเงินในไทยได้ง่ายขึ้น

ส่วนธปท.ให้ความสำคัญเรื่องความเสี่ยง โดยเฉพาะการทำความรู้จักลูกค้า (KYC) เนื่องจากผู้ใช้งานเป็นชาวต่างชาติที่อาจไม่คุ้น การทำ KYC จึงเป็นกลไกสำคัญที่ต้องเข้มงวด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ดาวโจนส์เปิดตลาดร่วงลงแรง จ้างงานสหรัฐต่ำ กำแพงภาษีทรัมป์ฉุด

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

GULF มอบ 18 ล้าน หนุนรพ.จุฬาฯ หาเทคโนโลยีส่องกล้อง ทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สมาพันธ์ปศุสัตว์ มองสัญญาณบวก ภาษีสหรัฐเหลือ 19 % มุ่งเดินหน้า การค้า2 ประเทศ

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'ผู้ตรวจการแผ่นดิน' ชงสภาฯ แก้ พ.ร.บ.ปิดช่องโหว่ นอมินีต่างชาติ

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

‘ดาวโจนส์’ ร่วงกว่า 400 จุด หวั่นเศรษฐกิจสหัฐถดถอย เหตุตัวเลขจ้างงานทรุดหนัก

The Bangkok Insight

Night Recap Gold Spot 01-08-2568

ฮั่วเซ่งเฮง

Night Recap Gold Futures 01-08-2568

ฮั่วเซ่งเฮง

ดาวโจนส์เปิดตลาดร่วงลงแรง จ้างงานสหรัฐต่ำ กำแพงภาษีทรัมป์ฉุด

กรุงเทพธุรกิจ

วิริยะประกันภัย ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ จ.สระแก้ว ร่วมบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยชายแดนไทย – กัมพูชา

สยามรัฐ

กรุงเทพประกันชีวิต รวมพลังแห่งความใส่ใจ มอบเงินบริจาค และถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ แก่สภากาชาดไทย ช่วยเหลือผู้กระทบจากกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา

สยามรัฐ

PremimStock 04/08/68 (THAI SSP BKA)

Share2Trade

SDJ 04/08/68 (CCP THAI HANN)

Share2Trade

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...