โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เจรจา “ภาษีทรัมป์” แลกฐานทัพ-อธิปไตย !?

Manager Online

อัพเดต 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 6.54 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

เมืองไทย 360 องศา

กำลังเป็นที่จับตามมากขึ้นเรื่อยๆ กับการเจรจาระหว่างตัวแทนประเทศไทยที่เรียกว่า “ทีมไทยแลนด์” นำโดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ต้องยื่นข้อเสนอและเจรจาต่อรองให้เสร็จสิ้นก่อนเส้นตายใหม่ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดเอาไว้ไม่เกินวันที่ 1 สิงหาคม จากเดิมที่สหรัฐคงเก็บภาษีนำเข้าจากไทยที่ร้อยละ 36 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราเรียกเก็บในอัตราสูงเป็นอันสองในเอเซีย

การจัดเก็บภาษีนำเข้าจากไทยดังกล่าวในร้อยละ 36 ถือว่าคงไว้คงเดิม ในแบบที่ไม่ลดลงสักบาท ขณะที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศในอาเซียนสามารถเจรจาต่อรองจนได้ข้อสรุปจากเดิมที่ถูกจัดเก็บในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 46 แต่ล่าสุดได้ลดลงมาเหลือร้อยละ 20 ขณะที่สินค้าสวมสิทธิ์ จะถูกจัดเก็บที่ร้อยละ 40 ส่วนเวียดนาม ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์

แน่นอนว่า ที่ยกตัวอย่างประเทศเวียดนามเนื่องจากเป็นประเทศคู่แข่งของไทย ทั้งด้านการลงทุน การเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ที่ผ่านมาทางฝ่ายเวียดนามสามารถเดินเกมต่อรองได้อย่างราบรื่น และรวดเร็ว ขณะที่ยังเป็นความเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า โดยเวียดนามโดยผู้นำสูงสุดคือ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นายโต เลิม สามารถเข้าถึงประธานาธิบดี ทรัมป์ โดยตรง มีทั้งการเดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตัน และการเดินทางมาเยือนเวียดนามของ โดนัลด์ ทรัมป์ จนได้รับการชมเชยถึงการเคลื่อนไหวของเวียดนาม ที่มีการเจรจากันแบบถึงลูกถึงคน และดำเนินการอย่างเป็นระบบ

ขณะที่เมื่อเทียบกับฝ่ายไทย ถือว่าคนละเรื่อง การเจรจา “แทบไม่มีน้ำหนัก” พิสูจน์ได้จากผลการเจรจาที่ “กลับมามือเปล่า”

อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายสหรัฐได้กำหนดเส้นตายใหม่ ให้มีการเปิดการเจรจา โดยให้ไทยยื่นข้อเสนอใหม่ภายในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ทำให้เป็นที่จับตากันว่า ฝ่ายไทยได้นำเสนอเงื่อนไขอะไรไปบ้าง การเสนอลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐอะไรบ้าง โดยมีการจับตาไปที่สินค้าเกษตร และล่าสุดก็มี “ข้อมูลใหม่” ในเรื่องการขอ “ตั้งฐานทัพเรือสหรัฐ” ที่จังหวัดพังงา ทางภาคใต้ ในฝั่งอันดามัน

ซึ่งคนที่ออกมาเปิดเผยเรื่อง “ฐานทัพอเมริกาในไทย” คนแรก ก็คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล บนเวทีความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 3 ที่หอประชุมเล็ก (ศรีบูรพา) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 โดยเขาระบุว่า ทางสหรัฐหมายตาตั้งฐานทัพบริเวณจังหวัดพังงาในฝั่งอันดามัน ซึ่งหากเป็นจริงก็ไม่ต่างจากการ “ชักศึกเข้าบ้าน” ทำให้ไทยมีความเสี่ยงความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจ

นอกจากนี้ จากข้อมูลที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นำมาเปิดเผยยังระบุอีกว่า ทางฝ่ายสหรัฐยังกดดันให้ไทยในเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกด้วย โดยอ้างในเรื่องสิทธิเสรีภาพ การแสดงความคิดเห็น สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยแบบ “ล้ำเส้น”

ขณะเดียวกัน ทำให้ต้องจับตาการเข้ามา “เสือกทุกเรื่อง” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ล่าสุดได้เข้าร่วมประชุมหารือกับ “ทีมไทยแลนด์” ที่บ้านพิษณุโลก เพื่อกำหนดหัวข้อในการเจรจากับทางฝ่ายสหรัฐอเมริกา จนทำให้มีการกังวลว่า ทางฝ่ายไทยจะยอมอ่อนข้อกับทางสหรัฐโดยเฉพาะในเรื่อง การ“ตั้งฐานทัพสหรัฐ” ในประเทศไทยดังกล่าว รวมไทยถึงยอมเปิดทางให้นำเข้าสินค้าเกษตรที่อ่อนไหวกับพี่น้องเกษตรกรไทย

อีกคนหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลในลักษณะเดียวกันก็คือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรหลอมรวมประเทศไทย ที่กล่าวบนเวทีเดียวกัน โดยเขากล่าวถึงเรื่อง “ภาษีทรัมป์” ว่า ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ โชว์ฟอร์มของอนุญาตศาลอาญาออกนอกประเทศ เพื่อไปดักรอพบประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประเทศการ์ต้า ซึ่งเป็นข้ออ้างไม่สมเหตุสมผล แต่ในที่สุดศาลจึงไม่อนุญาต นอกจากนี้ สทร. ยังบอกได้ว่า คุยกับคนใกล้ชิดประธานาธิบดีทรัมป์หมดแล้ว ส่วนนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ยังอ้างว่า กำลังเจรจาทางลับอยู่ ปรากฏว่า ทีมไทยแลนด์ไปเจรจาต้องเสียค่าจ้างล็อบบี้ยีสต์มากกว่า 100 ล้านบาท แต่ได้ภาษีทรัมป์ที่เก็บกับไทย 36% ตามเดิมอีก แล้วยังมีหน้าปลอบคนไทยไม่ให้ตกใจ

“ขอบอกไปยัง สทร. ว่า ไม่มีใครตกใจ เพราะที่พูดมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีอะไรสำเร็จสักเรื่อง แต่จำไว้อย่างว่า อย่าเอาภาษีทรัมป์แลกกับการตั้งฐานทัพอเมริกาในไทยเด็ดขาด เพราะในอดีตไทยเจ็บช้ำเรื่องนี้มาตลอด ที่ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเจ็บแค้นเคืองไทย” นายจตุพร กล่าว

อีกทั้ง ไม่เชื่อ สหายอ้วน-นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาการนายกฯ และทีมไทยแลนด์ จะจัดการภาษีทรัมป์ได้ สิ่งสำคัญสหรัฐขึ้นแบล็กลิสต์รัฐมนตรีไทยกรณีส่งอุยกูร์ให้จีนนั้น มีชื่ออะไรบ้าง เพราะทีมไปเจรจาภาษีทรัมป์ ไม่มีแม้แต่ชื่อ รมว.ต่างประเทศไทย และขึ้นบัญชีนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ไว้หรือไม่ ดังนั้นการปล่อยให้คนพวกนี้ละเลงแผ่นดินจนปล่อยให้ชาติย่อยยับในขณะนี้

นอกจากนี้ สทร. ยังจะไปพูดวันที่ 17 ก.ค.นี้ หัวข้อปลดล็อกประเทศไทย ทั้งที่ปลดล็อกคดีตัวเองจากปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยังไม่ได้เลย ส่วนสถานการณ์การเมืองที่รัฐบาลเพื่อไทยโชคดี มีพรรคประชาชนเป็นฝ่ายค้านทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจดุดันในสภา ตามทฤษฎีเล่าสู่กันฟัง แล้วกลับบ้านน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อีกคนที่มีข้อมูลเรื่อง “ฐานทัพ” คือ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ต่อต้านฐานทัพต่างชาติ”

เจรจาต่อรองภาษีทรัมป์ ก็ว่ากันไป อย่าคาดหวังว่าจะได้อะไรกลับมา โลกวันนี้กำลังมีการจัดระเบียบใหม่ การแบ่งค่ายเป็นสองค่ายเริ่มชัดเจน อินโดฯ ถูกบีบให้ออกจากบริคส์ เพื่อลดภาษี

อย่าเชื่อพวกคลั่งฝรั่งแบบสุดโต่ง เปลี่ยนประเทศเป็นประชาธิปไตยตะวันตก เป็นข้อเสนอเจรจาต่อรองกับอเมริกา ญี่ปุ่นลอกแบบประชาธิปไตยตะวันตก แต่ก็โดนภาษีการค้าจากเมกาหลังแอ่น หรือเกาหลีใต้ปราบคอร์รัปชันจริงจัง ก็โดน เอียงข้างเข้าอเมริกาอย่างสุดๆ ยังไม่รอด

“อย่ายอมรับให้ตั้งฐานทัพอเมริกาเด็ดขาด อย่าเอาความขัดแย้ง เสี่ยงสงครามเข้าไทย มันเป็นจุดล่อเป้าขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ การค้าตกต่ำคนไทยต้องอดทน แต่อย่าชักศึกเข้าบ้าน”

อยากให้รัฐบาลเตรียมแผนรองรับผลภาษี เพราะยังไงก็หนีไม่พ้นภาษีการค้า 36 % สิ่งที่ไม่เห็นจากรัฐบาลเลย แผนปกป้องผู้ประกอบการคนไทยจากภาษี แผนช่วยแบ่งเบาภาระผู้บริโภค ลดภาระค่าครองชีพคนไทย ทำได้ทันที ลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า

ดังนั้นนาทีนี้ทั้งเรื่อง “ฐานทัพอเมริกาในไทย” และการเปิดทางสินค้าเกษตร รวมไปถึงสินค้าอ่อนไหวที่สหรัฐพยายามกดดันให้ไทยต้องลดภาษีนำเข้า เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันการเข้ามา “เสือกทุกเรื่อง” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ในครั้งนี้ ก็ไม่น่าไว้ใจ เพราะเขาต้องเร่งสร้างผลงานเพื่อ “เคลม” ว่า หากสำเร็จก็เป็นผลมาจากคอนเนกชันส่วนตัว เหมือนกับที่เคยอ้างก่อนหน้านี้ และในท่ามกลางสถานการณ์ลำบากของ “ลูกสาว” คือ แพทองธาร ชินวัตร แต่การเจรจาเรื่องฐานทัพ ทำให้น่าเป็นห่วงเรื่องอธิปไตยและเสี่ยงต่อการ “ชักศึกเข้าบ้าน” เป็นอย่างยิ่ง!!

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

"อินเดีย" สั่งให้แอร์ใหม่ขายในแดนภารตะต้องตั้งอุณหภูมิต่ำสุดที่ 20C หวังประหยัดไฟหน้าร้อนภารตะ 51 C. ดับ 733 ปีที่แล้ว

49 นาทีที่แล้ว

กระหึ่ม! “ปธน.ปราโบโว ซูเบียนโต” ยืนติด “มาครง” เป็นแขกพิเศษฉลองวันชาติฝรั่งเศส “บัสตีย์เดย์” ที่ปารีส ส่วน EU ไฟเขียวแจก “วีซ่าเชงเก้น” ให้พลเมืองอินโดฯ

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จุดจบสายแข็ง “กระต่าย พรรณนิภา” กินคอลลาเจน 17 โรงงาน เกินขนาด ถูกหามส่ง รพ.ด่วน

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สมาคมดาราศาสตร์ไทย เผยการค้นพบหลุมดำใหม่ ขนาดใหญ่มหึมา 2 หลุม

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

รถบรรทุกชนกับรถกระบะ แล้วเสียหลักเบียดรถเก๋งอัดเข้ากับกำแพงปูน กลางถนนหมายเลข 304 หลานชายวัย 10 เดือนกับคุณย่า เสียชีวิตในซากรถ จ.ฉะเชิงเทรา

สวพ.FM91

มาแล้ว! เลขเด็ด “น้องเพชรกล้า” งวด 16 ก.ค. 68 เลขปิงปองเน้นๆ พร้อมชุดสอง-สามตัวน่าจับตา

เดลินิวส์

ธ.ก.ส."ชวนลุ้นโชคผ่าน"สลากออมทรัพย์"ฝากหลักสิบลุ้นหลักล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

"อินเดีย" สั่งให้แอร์ใหม่ขายในแดนภารตะต้องตั้งอุณหภูมิต่ำสุดที่ 20C หวังประหยัดไฟหน้าร้อนภารตะ 51 C. ดับ 733 ปีที่แล้ว

Manager Online

ซิ่งคนเดียว ล้มไม่เดียวดาย!หนุ่มอาหรับจยย.ล้มเบาๆ แต่แก๊งเพื่อนนับสิบไปด้วยกู้ภัยถึงกับงง

เดลินิวส์

เปิดใจ 4 ครูช็อกถูกเลิกจ้างกลางเทอม ผอ.แจงไม่ได้เลิกจ้าง แค่งบประมาณไม่พอ

เดลินิวส์

คุณลุงขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุกแล้วโดนทับซ้ำ เสียชีวิตกลางถนนทางหลวงชนบท จ.บุรีรัมย์

สวพ.FM91

คอนโดเดือด! “พี่เมียถือมีดขึ้นหาน้องเขย” ถูกแย่งแทงสวนไส้ทะลักต่อหน้าเพื่อนบ้าน

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

“พิชัย” ชงชื่อ “วิทัย รัตนากร” เป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่ให้ ครม.เคาะพรุ่งนี้

Manager Online

“อัครแสนคีรี” ยัน งบเกษตรฯ ปี 69 ทุกโครงการโปร่งใส ตรวจสอบได้ แก้ภัยแล้งครอบคลุม วอน หยุดสร้างวาทกรรมปั่นกระแส

Manager Online

“อิ๊งค์” ถกหนุนอุตสาหกรรมบันเทิง เล็งใช้มาตรการจูงใจทางภาษี ชูเครื่องมือสำคัญส่งออกอัตลักษณ์ไทย

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...