หนุ่มอ้างเครียดปัญหาครอบครัวชักปืนยิงสาวป่วยมะเร็งแต่กระสุนด้านเลยตีหัวแตก

ราชบุรี จากกรณีที่มีชายสวมเสื้อคลุมสีดำบุกเข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธปืนจ่อยิงหญิงสาวเจ้าของร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์และยังป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขณะนั่งรอใส่บาตรพระในตอนเช้า โชคดีที่กระสุนด้าน เลยใช้ด้ามปืนตีที่ศรีษะแทนจนแตกเย็บไปกว่า 20 เข็ม ซึ่งหญิงสาวเชื่อว่าน่าจะเป็นบารมีของหลวงปู่สังวาลย์ วัดทุ่งสามัคคีธรรม จ.สุพรรณบุรี ที่ตนเองแขวนติดคอไว้ทำให้กระสุนปืนที่คนร้ายจะใช้ยิงนั้นเกิดด้านหลายครั้ง โดยเหตุเกิดที่บริเวณหน้าร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์ เลขที่ 222 หมู่ 3 ต.จอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจของสภ.จอมบึง ได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านทุกมุมจนทำให้ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร จึงไปติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาได้พร้อมอาวุธปืนที่คนร้ายอ้างว่านำไปใช้ก่อเหตุก่อนจะนำตัวมาสอบสวนที่สภ.จอมบึง

ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดในวันนี้( 21 ส.ค. 68) ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับนางสาวศิริพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ซึ่งยังอยู่ในอาการบาดเจ็บ โดยที่บริเวณศรีษะยังมีผ้าปิดแผลไว้หลายแผล รวมทั้งที่บริเวณหางคิ้วด้านซ้าย ซึ่งนางสาวศิริพร บอกว่าหมอได้ทำการเย็บแผลให้รวมทั้งหมดกว่า 20 เข็ม ตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บแผลอยู่มากและในช่วงบ่ายของวันนี้ก็จะต้องไปพบหมอที่โรงพยาบาลอีกรวมทั้งไปล้างแผลที่บริเวณหางคิ้ว ซึ่งเป็นแผลลึกด้วย

โดยนางสาวศิริพร (ขอสงวนนามสกุล) ก็เล่าให้ฟังว่า ตนเองนั้นป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และเตรียมจะไปให้คีโมรักษาในอาทิตย์หน้า โดยช่วงนี้จะต้องทำการรักษาค่าตับไม่ให้สูง และช่วงเช้าของทุกวันตนจะต้องออกไปนั่งรอใส่บาตรพระตอนเช้าที่หน้าร้าน ในวันเกิดเหตุจู่ๆก็คนร้ายเป็นชายสวมเสื้อคลุมสีดำแบบมีฮูดคลุมศรีษะเดินเข้ามาที่หน้าร้านพร้อมทั้งถีบโต๊ะที่ตั้งขวางทางเข้าหน้าร้านจนล้ม พร้อมกับชักอาวุธปืนออกมาจ่อยิง แต่กระสุนด้านและคนร้ายก็ยังพยายามที่จะยิงอีกหลายครั้งแต่กระสุนก็ด้าน ตนก็เลยคว้าไม้ตีแต่คนร้ายกลับใช้ด้ามปืนเข้ามาตนเองจนหัวแตก ก่อนจะเดินหลบหนีไป ซึ่งตอนนั้นตนเองยังไม่ทราบว่าที่หัวแตกมีเลือดไหล ก็ยังใส่บาตรพระอยู่เพราะต้องรอให้แม่กลับมาจากตลาดก่อน เพราะถ้าตนเองออกไปโรงพยาบาลหรือไปไหนแม่กลับมาก็จะไม่เจอ ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุแม่ค้าฝั่งตรงข้ามก็ยังพยายามที่จะวิ่งมาส่งเสียงห้ามไม่ให้คนร้ายมาตีตนเองด้วย โดยตนรอจนแม่กลับมาถึงได้ไปหาหมอซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่าจับคนร้ายได้แล้วเป็นคนที่อยู่บ้านติดกัน เคยมีปัญหากันเรื่องรางน้ำที่ติดตั้งแล้วเวลาฝนตกน้ำไหลมาที่บ้านของตน และเรื่องที่ติดตั้งแอร์แล้วหันตู่แอร์มาทางหน้าต่างบ้านตน ทำให้มีลมร้อนพัดเข้ามาในห้องของตน ซึ่งเรื่องนี้แม่ของตนก็ได้ไปพูดคุยกับแม่ผู้ก่อเหตุแล้ว ก็รับปากว่าจะทำการแก้ไขให้ แต่ทำไมลูกชายเขาถึงมาทำร้ายตนเองอีก ซึ่งในช่วงที่เข้ามาในร้านก็ไม่ได้มีการพูดอะไรมาถึงก็ชักปืนยิงอย่างเดียว แต่พอยิงไม่ออกก็ใช้ด้ามปืนตี ซึ่งตำรวจบอกว่าจับปืนได้เป็นปืนบีบีกัน ตนก็อยากจะถามว่าน้ำหนักของปืนบีบีกันกับปืนจริงนั้นเท่ากันหรือไม่เพราะบาดแผลของตนเองนั้นหมอบอกว่าลึกมากลักษณะน่าจะเหมือนถูกเหล็กกระแทก ทำให้ตนเองนั้นยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องของอาวุธปืนที่คนร้ายมอบให้กับตำรวจว่าจะใช้อาวุธปืนที่นำมาก่อเหตุกับตนหรือไม่ และยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่ามาทำร้ายตนด้วยเรื่องอะไร ทั้งที่ตนนั้นก็ป่วยไม่มีแรง แต่ด้วยสัณชาติญาณทำให้มีแรงสู้ใช้ไม้ตีคนร้ายด้วย อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับคนร้ายให้ถึงที่สุด และที่ตนเองรอดมาได้ครั้งนี้ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นบารมีของหลวงปู่สังวาลย์ วัดทุ่งสามัคคีธรรม จ.สุพรรณบุรี ที่ตนเองแขวนติดคอไว้ ทำให้ปัดเป่าสิ่งร้ายๆออกไป

ด้าน พ.ต.อ.ณภัทร์มงคล เหลืองกุลวัฒน์ ผกก.สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี ก็ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ว่า ในคดีนี้หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งก็รีบไปตรวจสอบพร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านก็พบว่าผู้ที่ก่อเหตุคือ นายอัมพรชัย กลมกล่อม อายุ 45 ปี ซึ่งอยู่บ้านติดกับผู้เสียหาย จึงได้เข้าไปควบคุมตัวและไปพบอาวุธปืนที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่านำไปใช้ทำร้ายผู้เสียหาย จึงได้ทำการตรวจยึดและนำตัวมาสอบสวน เบื้องต้นผู้ก่อเหตุอ้างว่า มีความเครียดสะสมเนื่องจากต้องดูแลผู้ป่วยหลายคนในบ้านทั้งแม่และน้องสาว ประกอบกับเคยมีปากเสียงกับแม่ของผู้เสียหายเรื่องที่ไปสูบบุหรี่หลังบ้านแล้วควันบุหรี่ลอยเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย และเรื่องการเผาขยะซึ่งควันลอยเข้าไปในบ้านเพราะมีรั้วบ้านติดกัน จึงได้ไปก่อเหตุแต่ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องให้แพทย์ทำการตรวจสอบสภาพจิตใจของผู้ก่อเหตุด้วย ส่วนเรื่องอาวุธปืนขณะนี้ได้ทำการนำส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบว่าจะใช้อาวุธปืนที่ก่อเหตุหรือไม่ รวมทั้งจะต้องไปทำการตรวจดีเอ็นเอของผู้เสียหายเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่พบที่อาวุธปืนว่าตรงกันหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย แต่เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหากับนายอัมพรชัย กลมกล่อม อายุ 45 ปี ว่าบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางวันและข้อหาทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส