‘หมอหมู’ สะท้อนข้อคิดจากศพ แค่คำถามธรรมดา อาจช่วยชีวิตคนได้
เมื่อวนที่ 6 ส.ค. รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ หมอหมู แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้โพสต์เล่าเรื่องราวผ่านเพจ หมอหมู วีระศักดิ์ โดยระบุว่า
วันที่พ่อกลายเป็นศพในบ้านตัวเอง… และลูกชายวัย 13 ปี คือคนพบศพคนแรก
“หมอครับ… ทำไมพ่อต้องตายแบบนี้”
เด็กชายตัวเล็กๆ อายุแค่ 13 ปี เดินเข้ามาจับแขนผมแน่นระหว่างที่ผมเดินออกจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากการตรวจชันสูตรศพเสร็จ
ในบ้านนั้น… มีศพผู้ชายอายุ 48 ปี นอนแน่นิ่งอยู่บนโซฟา ร่างกายเริ่มแข็ง กล้ามเนื้อคลายตัวจากกระบวนการหลังการตาย ไม่มีบาดแผล ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ไม่มีการรื้อค้น แต่ที่น่าเจ็บใจคือ ศพนี้น่าจะอยู่ในบ้านคนเดียว 2 วันเต็ม ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครโทรหา ไม่มีใครเอะใจ
จนกระทั่งลูกชายกลับมาจากไปอยู่บ้านแม่ตามปกติในวันหยุดสุดสัปดาห์ “พ่อปิดประตูไม่ให้ผมเข้า ผมเลยไปขอให้ป้าข้างบ้านช่วยมาดู” สิ่งที่เขาเห็นคือ “พ่อที่หลับไม่ตื่น” ลูกชายไม่รู้ว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว เขาแค่สงสัยว่าทำไมพ่อไม่ขานรับเหมือนทุกครั้ง
ผมขอเล่าตรงนี้ในฐานะแพทย์นิติเวช การตายที่ไม่มีใครรับรู้ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครสำคัญ แต่มันอาจเป็นเครื่องเตือนใจว่า “บางครั้งคนที่เราคิดว่าเข้มแข็งที่สุด อาจกำลังล้มอยู่เงียบๆ”
หลังจากผ่าชันสูตรศพ ผมพบว่าเขาเสียชีวิตจาก “กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน จากเส้นเลือดหัวใจอุดตัน” มีโรคประจำตัวหลายอย่างที่ไม่ได้รักษาต่อเนื่อง
ในตู้เย็นมีข้าวกล่องเหลือค้างอยู่ 2 กล่อง ในมือถือมีสายไม่ได้รับจากเบอร์แม่ของลูก 1 สาย
ผมอยากให้เรื่องนี้เป็นข้อคิดจากศพให้ทุกคน อย่ารอให้สายเกินไปที่จะโทรหาคนที่เรารัก คนเป็นพ่อก็เจ็บป่วยได้ และเจ็บใจเป็น
การเสียชีวิตกระทันหันในบ้าน อาจกลายเป็นแผลใจฝังลึกให้ลูกทั้งชีวิต
ผมไม่ได้อยากให้ใครรู้สึกเศร้า แต่อยากให้ทุกคนที่อ่านโพสต์นี้ หันไปมองหน้าคนในครอบครัวแล้วถามว่า “พ่อโอเคมั้ย?” , “แม่เหนื่อยมั้ย?” , “ลูกมีอะไรอยากเล่าให้ฟังมั้ย?” เพราะบางครั้ง คำถามธรรมดานี่แหละ ช่วยชีวิตคนไว้ได้