ลาก่อนระบอบทักษิณ
ชอบครับ…ชอบจริงๆ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ (๕ กันยายน) นับเป็นมิติใหม่ทางการเมือง
ไฉไลกว่าเดิม
พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีด่าตัวเอง
ใครจะเชื่อครับ
การเมืองไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
วาระการเลือกนายกรัฐมนตรี กลายเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย โดยพรรคเพื่อไทยได้อย่างไรกัน
งงจริงๆ!
เหลือเชื่อนะครับ นักการเมืองทำตัวเป็นปลาทองสมองกลวงได้แบบไม่อายใคร
สงสารคนที่หย่อนคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยจริงๆ ครับ ที่ได้นักการเมืองสมองปลาทองเข้าสภา
ไม่กี่วันก่อนทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยต่างก็แย่งกันรับเงื่อนไข ๓ ข้อของพรรคส้ม
๑.นายกฯ คนใหม่จะต้องยุบสภาผู้แทนฯ ภายใน ๔ เดือน นับตั้งแต่ที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีเลือกตั้งทั่วไป
๒.ครม.ชุดใหม่ จะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ทั้งนี้ต้องไม่เกินไปกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วไป
๓.พรรคประชาชนยืนยันที่จะไม่ร่วมรัฐบาลและทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชน ไปดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีใน ครม.ชุดใหม่
เพื่อไทยภายใต้การนำของ "ภูมิธรรม" บอกว่า ยอมรับแบบไม่มีเงื่อนไข และขอแถมเงื่อนไขเขากระโดงเข้าไปด้วย
แต่เมื่อรู้ว่าโอกาสที่พรรคส้มจะเอาด้วยนั้นริบหรี่ก็ชิงยุบสภา เพราะอย่างน้อยยังเป็นรัฐบาลรักษาการได้กระทั่งการเลือกตั้งผ่านพ้นไป และมีรัฐบาลใหม่
แต่ไม่เป็นไปตามแผน
พระราชกฤษฎีกายุบสภาถูกตีกลับ จำต้องเล่นในเกมที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคส้มกำหนด
และนี่เป็นสาเหตุให้ "นายใหญ่" ต้องขี่เครื่องบินไปหาหมอที่ดูไบ และน่าจะเข้ารักษาตัวที่ห้องวีไอพีไปอีกยาวนาน เพราะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย โรคเสพติดอำนาจ โรคเหิมเกริม โรคฉ้อฉล ฯลฯ
ทุกโรคล้วนอยู่ในภาวะวิกฤตทั้งสิ้น
วันที่ ๙ กันยายนนี้ นอนตากแอร์ที่ดูไบนั่นแหละครับ ไม่กลับมานั่งต่อหน้าบัลลังก์ศาลแน่นอน
ส่วนบรรดาคนที่รับใช้อย่างไม่สนสี่สนแปด ก็เตรียมตัวรับกรรมครับ
คณะแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ ที่ช่วยกันปิดบังเรื่องเท็จ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อช่วย "ทักษิณ" ทั้งหมดนี้เตรียมตัวเตรียมใจอาจได้ใช้ชีวิตในคุก เพราะจะมีคดีความเพิ่มเติมหลังจากนี้
เมื่อพรรคเพื่อไทยพลาดซ้ำซาก สิ่งที่ทำได้คือ ด่าพรรคส้ม พรรคภูมิใจไทยว่าไม่มีความเป็นประชาธิปไตย
ในที่ประชุมสภา สส.เพื่อไทย ดาหน้าถล่มเงื่อนไขทั้ง ๓ ข้อของพรรคส้ม อยู่ใน MOA ๕ ข้อ ที่พรรคส้มร่วมเซ็นกับพรรคภูมิใจไทย
พยายามเลี่ยงที่จะไม่พูดถึง MOU ที่ตัวเองเปิดรับอ้าซ่า ทั้งๆ ที่มีเนื้่อหาเดียวกัน
ราวกับว่า ก่อนหน้านั้น ๒-๓ วัน ไม่เคยรับรู้รับทราบและเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการโหวตเลือกนายกฯ ของพรรคส้มแต่อย่างใด
ไม่น่าเชื่อนะครับ เรามาถึงจุดนี้จริงๆ จุดที่พรรคการเมืองไม่สนใจเรื่องถูกผิด ทำตัวเป็นเด็กงอแงถูกแย่งของเล่น
ลองกลับกันสิครับ ถ้าพรรคส้มเลือกพรรคเพื่อไทย จะอภิปรายแบบนี้กันในสภาไหม
เชื่อเถอะเงียบกริบ
มีแต่ถูกครับนาย ใช่ครับท่าน
MOA ๕ ข้อที่ ๒ พรรคร่วมเซ็น มีดังนี้
๑.ยุบสภาใน ๔ เดือน หลังการแถลงนโยบาย เพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไปใหม่
๒.หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าต้องมีประชามติ รัฐบาลต้องจัดประชามติเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ก่อนเลือกตั้งใหม่
๓.หากศาลชี้ว่าไม่ต้องมีประชามติ รัฐบาลต้องเร่งผลักดันร่างแก้รัฐธรรมนูญ และจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญจากการเลือกตั้งทันที
๔.ภูมิใจไทยห้ามตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก เพื่อรับประกันว่าจะมีการยุบสภาตามกรอบเวลา
๕.พรรคประชาชนยังคงเป็นฝ่ายค้าน ไม่เข้าร่วมคณะรัฐมนตรี แต่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลเต็มที่
เหตุที่ต้องเป็น MOA ไม่ใช่ MOU มีเหตุผลครับ
MOA มีความชัดเจนกว่า MOU หากบิดพลิ้ว จะมีมิติของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ฉะนั้น MOA จึงเป็นหลักประกันว่า "อนุทิน" บิดพลิ้วมิได้
มาตบตูดกันเรื่อง "ทักษิณ" โกหกยันวินาทีสุดท้าย
"ทักษิณ" โพสต์ข้อความบอกว่า
"…วันนี้ผมตั้งใจเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อไปตรวจสุขภาพ กับหมอที่เคยดูแลระหว่างอยู่ต่างประเทศ
ตม.ที่ไทยถ่วงเวลาผมไว้เกือบ ๒ ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ผมได้ชนะคดี ที่ถูกห้ามออกเดินทางไปต่างประเทศมาแล้ว มีสิทธิเดินทางเช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป
ระหว่างเส้นทางบิน นักบินแจ้งว่าการที่โดน ตม.ถ่วงเวลาผมไว้นาน ทำให้เครื่องจะไปลงสนามบินSeletar ซึ่งใช้สำหรับเครื่อง Private Jet ลงที่สิงคโปร์ไม่ทัน เพราะสนามบินเปิดให้บริการถึงแค่ ๔ ทุ่มเท่านั้น (เวลาสิงคโปร์เร็วกว่าไทย ๑ ชม.)
เมื่อไม่สามารถไปลงที่สิงคโปร์ได้ ผมจึงตัดสินใจให้นักบินเปลี่ยนแผนไปลงดูไบ เพราะที่ดูไบผมมีหมอกระดูก และหมอปอดที่ผมใช้ประจำมานาน และยังมีโอกาสได้เยี่ยมเพื่อนที่ดูไบ ซึ่งไม่ได้เจอกันมา ๒ ปีกว่าแล้ว
ระหว่างรอขออนุญาตจากสนามบินดูไบ นักบินต้องบินวนรออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งได้รับอนุญาตจึงได้หันหัวบินต่อไปยังดูไบ
ผมตั้งใจจะกลับไปไทยไม่เกินวันที่ ๘ เพื่อเดินทางไปศาลด้วยตัวเอง วันที่ ๙ กันยายนนี้ ครับ…"
ที่จริงก่อนโพสต์ "ทักษิณ" น่าจะให้นักบินดูก่อนว่าโพสต์แบบนี้ได้มั้ย
เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ…"ทักษิณ" วางแผนจะบินไปดูไบตั้งแต่แรกแล้ว
ดูจาก "วางแผนเชื้อเพลิง" จะไขปริศนาได้ทั้งหมดว่า "ทักษิณ" โกหก
เที่ยวบิน T7-GTS นี้ถ้าวางแผนบินไปสิงคโปร์จริง ไม่มีทางที่จะบินต่อไปถึงดูไบได้เพราะน้ำมันไม่พอ
การบินไปถึงดูไบได้แสดงว่า เครื่องบินลำนี้เติมน้ำมันเต็มถัง หรือเพียงพอที่จะถึงปลายทาง
การเติมน้ำมันเต็มถังไม่อาจลงที่สนามบินสิงคโปร์ได้ เป็นเหตุผลด้านน้ำหนัก เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุการลงจอดสูงมาก
เพราะมันหนักเกินไป!
และรันเวย์ของสนามบิน WSSL ของสิงคโปร์ก็สั้นเกินไป ที่จะรองรับ เครื่องบินหรูหรา Bombardier Global 7500 ที่่เติมน้ำมันเต็มถังได้
แต่มีวิธีแก้ไขคือปล่อยน้ำมันทิ้งกลางอากาศ
ทั้งหมดทั้งมวลจึงสรุปได้ว่า ดูไบ คือเป้าหมายตั้งแต่ออกจากดอนเมือง
"ทักษิณ" ไปแล้ว แต่คนที่ยังอยู่เตรียมตัวครับ
สรุปผลเลือกนายกฯ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
"อนุทิน ชาญวีรกูล" ได้ ๓๑๑ คะแนน
"ชัยเกษม นิติสิริ" ได้ ๑๕๒ คะแนน
งดออกเสียง ๒๗ คะแนน
เป็นอันว่า "อนุทิน" เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๒ มีภารกิจยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่เท่านั้น
ลาก่อนระบอบทักษิณ.