มธ.เปิดหลักสูตร 'Financial Literacy' เสริมทักษะการเงินคนรุ่นใหม่
ม.ธรรมศาสตร์ เปิดหลักสูตร Financial Literacy เสริมทักษะด้านการเงิน-การลงทุนให้คนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าปี 2570 บัณฑิตผ่านหลักสูตรนี้ก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนึ่งในเรื่องสำคัญของภาคเศรษฐกิจไทยที่ยังคงแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า ณ ไตรมาสแรกปี 2568 มูลหนี้ครัวเรือนรวมสูงถึงกว่า 16.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 87.4% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากลที่กำหนดไว้ไม่เกิน 80% มาตลอดหลายปี
และปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นปัญหาที่กระทบต่อคนทุกวัยไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน และวัยเกษียณ พบว่าผู้สูงอายุจำนวนมากยังมีหนี้เฉลี่ยกว่า 400,000 บาท และเสี่ยงกลายเป็นหนี้เสีย ขณะที่คนรุ่นใหม่ก็ติดกับดักการใช้จ่ายเกินตัวตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลจากเครดิตบูโร ระบุว่า 1 ใน 2 ของคน Gen Z ที่เพิ่งเริ่มทำงานมีหนี้สินแล้ว และที่น่ากังวลคือกว่า 1 ใน 4 ของคนกลุ่มนี้เป็นหนี้เสีย (NPL) ซึ่งถือเป็นอัตราสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นอื่น ๆ ปัจจัยสำคัญเกิดจากพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ได้รับอิทธิพลจากสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการเข้าถึงบัตรเครดิตและสินเชื่อที่ง่ายดาย จึงส่งผลกระทบให้คนรุ่นใหม่ตกอยู่ในกับดักหนี้เร็วขึ้นและยากต่อการฟื้นตัว
ปัญหาเหล่านี้ กลายเป็นการย้ำถึงความสำคัญในการมี “ความรู้ทางการเงิน” หรือ Financial Literacy เพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจในการบริหารวางแผนการเงิน และสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน เช่นเดียวกับที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อสร้างหลักสูตรเสริมความรู้ทางการเงิน
ตั้งเป้าปี’70 บัณฑิต มธ. ผ่านหลักสูตรทุกคน
รศ.ดร.ดำรงค์ อดุลยฤทธิกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปราะบาง และกลายเป็น “กับดักหนี้” ที่ฉุดรั้งคุณภาพชีวิตของครัวเรือนและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
โดยกว่า 2 ใน 3 ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมดเป็นหนี้เพื่อการบริโภค ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ เช่น หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่หนี้เพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่า เช่น บ้าน หรือธุรกิจ มีสัดส่วนเพียง 4% เท่านั้น ทำให้ภาระหนี้กลายเป็นวงจรที่กัดกินกำลังซื้อและลดทอนความสามารถในการออมของครัวเรือน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงขับเคลื่อนการแก้ปัญหานี้ด้วย “ความรู้ทางการเงิน” หรือ Financial Literacy หลักสูตรที่จะช่วยปลูกฝังความเข้าใจด้านการเงินและการลงทุนให้แก่นักศึกษา โดยตั้งเป้าภายในปี 2570 บัณฑิต มธ. ทุกคนจะต้องผ่านการเรียนหลักสูตรนี้ก่อนออกสู่ตลาดแรงงาน
ซึ่งเนื้อหาของหลักสูตรครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนเป้าหมายทางการเงินระยะสั้น กลาง และยาว การออมอย่างมีระบบ การทำความเข้าใจภาษีและกฎหมายเกี่ยวข้องกับหนี้ ไปจนถึงการลงทุนในสินทรัพย์สมัยใหม่ เช่น เงินดิจิทัล คริปโตเคอร์เรนซี และผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ
เรียนตั้งแต่พฤติกรรมเศรษฐศาสตร์ ถึงการเงิน-การลงทุน-คริปโต
ในหลักสูตรยังบรรจุเนื้อหาด้านพฤติกรรมเศรษฐศาสตร์ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจถึงแรงจูงใจและหลุมพรางทางการเงินในยุคดิจิทัล เช่น การใช้จ่ายตามกระแส “ของมันต้องมี” หรือโปรโมชั่น “ผ่อน 0%”
นอกจากนี้ ธรรมศาสตร์ยังได้ร่วมมือพัฒนาหลักสูตรกับสถาบันการเงินและตลาดทุนชั้นนำอีกหลากหลายองค์กร เพื่อพัฒนาวิชาเลือกเพิ่มเติมด้านการลงทุน โดยมีเป้าหมายให้นักศึกษาได้ทั้งความรู้เชิงทฤษฎีและการปฏิบัติจริง อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างทัศนคติทางการเงินที่มั่นคง เช่น
มธ.201 ความรู้ทางการเงินสำหรับบุคคล (SET) ปูพื้นฐานการวางแผนการเงินส่วนบุคคล การจัดการรายรับรายจ่าย การออมและการลงทุนขั้นต้น ผ่านรูปแบบ e-Learning
มธ.202 ครบเครื่องเรื่องลงทุน (SET) แนะนำเครื่องมือการลงทุนหลากหลาย ตั้งแต่หุ้น พันธบัตร กองทุน ไปจนถึงการสร้าง Mindset การลงทุนที่ยั่งยืน เพื่อเตรียมพร้อมสู่โลกการลงทุนจริง เรียนผ่านระบบ e-Learning
มธ.301 การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) เจาะลึกการลงทุนหุ้น กองทุนรวม ตลอดจน Derivative Warrant (DW) พร้อมฝึกการวิเคราะห์ผ่านโปรแกรม Streaming ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียนผ่าน e-Learning
มธ.283 นวัตกรรมบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซี (Gulf Binance) รายวิชาใหม่ล่าสุด เปิดโลกการลงทุนยุคดิจิทัล ตั้งแต่พื้นฐานการใช้บล็อกเชนไปจนถึงการลงทุนในคริปโต และ Digital Assets เรียนได้ทั้ง Online & Onsite
มธ.309 การลงทุนแบบมืออาชีพ (Bangkok Bank) มุ่งเน้นการลงทุนเชิงลึกในสินทรัพย์หลากหลายประเภท พร้อมเวิร์กช็อปและการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญภาคการเงิน เปิดสอนแบบ Onsite
รศ.ดร.ดำรงค์ กล่าวว่า พลเมืองการเงินที่เข้มแข็งไม่เพียงหมายถึงการมีทักษะการลงทุน แต่ต้องหมายถึงการมีวินัยทางการเงิน รู้จักวางแผน รับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และไม่ตกเป็นเหยื่อของหนี้นอกระบบ หากประชาชนมีพื้นฐานเหล่านี้ ประเทศก็จะมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
อย่างไรก็ดี การสร้างพลเมืองการเงินที่มีความรู้ ยังมีผลเชิงสังคมในวงกว้าง เพราะจะช่วยลดอัตราการผิดนัดชำระหนี้ ลดหนี้เสียในระบบการเงิน เพิ่มอัตราการออมและการลงทุนของครัวเรือน และช่วยลดภาระการอุดหนุนจากภาครัฐในอนาคต ขณะเดียวกันยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศผ่านการมีประชากรที่มีรากฐานการเงินแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ หลักสูตร Financial Literacy เป็นมาตรการ “วัคซีนทางการเงิน” ที่จำเป็นต้องฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางก่อน ไม่ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงาน พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือผู้สูงอายุ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน ลดความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในวงจรหนี้เสีย หลายประเทศ เช่น ออสเตรเลียและสิงคโปร์ ได้พิสูจน์แล้วว่าการบรรจุวิชาความรู้ทางการเงินตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วยสร้างวินัยการออมและลดอัตราการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นได้จริง ซึ่งประเทศไทยสามารถนำแนวปฏิบัติเหล่านี้มาเป็นต้นแบบในการพัฒนาได้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : มธ.เปิดหลักสูตร ‘Financial Literacy’ เสริมทักษะการเงินคนรุ่นใหม่
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net