ปลอดโด๊ป! เพาะกายโลกเอาจริง สั่งฟันนักกีฬาใช้สารกระตุ้น 4 ปี พร้อมโดนปรับเกือบ 2 แสนบาทต่อคน
เพาะกายโลกและเอเชีย เอาจริง เตรียมลงโทษ หากนักกีฬาคนไหนตรวจพบสารต้องห้าม นอกจากโดนแบนห้ามแข่งขันเป็นเวลา 4 ปี แล้ว ยังจะโดนปรับอีก คนละ 2 พันดอลลาร์สหรัฐ หรือ 64,830 บาท ส่วนประเทศต้นสังกัด โดนอีก 4 พันดอลลาร์สหรัฐ หรือ 129,660 บาท รวม แล้ว 6 พันดอลลาร์สหรัฐ หรือ 194,670 บาท ดีเดย์ใช้ลงโทษทุกรายการในปีหน้า 2026 เพื่อให้กีฬาเพาะกายปลอดโด๊ป
วันที่ 28 สิงหาคม 2568 นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล เลขาธิการ สหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย และ นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนส แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับในโอกาส ที่สมาคมฯ ครบรอบ 72 ปี ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 2 รายการใหญ่ มี การแข่งขันเพาะกายชิงชนะเลิศแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 19 ที่จัดทดแทน การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพวันที่ 9-20 ธ.ค.ที่ไม่มีการบรรจุเพาะกาย เข้าแข่งขัน และอีกรายการ การแข่งขันเพาะกายและฟิตเนส ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 57 ที่โรงแรมอเล็กซานเดอร์
การแข่งขันทั้ง 2 รายการนี้ ทางสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก และ สหพันธ์ กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย โดยทาง ดาโต๊ะพอล ชัว ประธานสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก ได้เห็นความสำคัญของเรื่องมาตรการการควบคุมสารต้องห้ามในกีฬาเพาะกาย ด้วยการจัดสัมมนาในเรื่องการรณรงค์เรื่องการป้องกันการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทั้ง 2 รายการ ที่ห้องสกาย ชั้น 18 โรงแรมอเล็กซานเดอร์ ถนนรามคำแหง ซึ่งในการสัมมนาครั้งนี้ มีนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมการแข่งขันได้มาร่วมรับฟังการสัมมนาคนรั้งนี้ เป็นจำนวนมาก กว่า 300 คน
นอกจากนี้ ในการแข่งขันทั้ง 2 รายการ ก่อนแข่งขันนักกีฬาไทยทุกคน จะมีการตรวจหาสารกระตุ้นก่อนแข่งขันด้วย รวมทั้งมีการสัมมนาให้ความรู้ ฝเกี่ยวกับสารต้องห้ามโดยเฉพาะสำหรับนักกีฬาไทย ก่อนแข่งขันอยู่แล้วทุกรายการ นอกจากนี้ทางฝ่ายการแพทย์ของ สหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย ยังมีการสุ่มตรวจหาสารกระตุ้นของนักกีฬาที่เข้าแข่งขันด้วย
สำหรับการสัมมนา เรื่องการรณรงค์เรื่องการป้องกันการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา นั้น ทางทางสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก และ สหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย ได้มอบหมายให้ฝ่ายแพทย์นำโดย นายแพทย์จตุรพร ณ นคร อดีตรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ประธานฝ่ายการแพทย์และควบคุมสารต้องห้ามของสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย และ สหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก เป็นวิทยากร ผู้นำการสัมมนาครั้งนี้ ร่วมกับ ฝ่ายการแพทย์ของสหพันธ์ฯ อีก 3 ท่าน ที่มาร่วมเป็นวิทยากรด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ ดร.อับดุล ราห์มัน ฮามีด เลขานุการ ฝ่ายคณะกรรมการผู้ตัดสิน สหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย ส่วนของไทย มี นพ. อี๊ด ลอประยูร อีกคน ที่มาร่วมให้ความรู้ ในการสัมมนาครั้งนี้ ด้วย
เรื่องการป้องกันการใช้สารต้องห้ามสำหรับกีฬาเพาะกายนั้น เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะในปัจจุบันนี้ วงการกีฬามีการตื่นตัวในเรื่องการต่อต้านการใช้สารต้องห้าม การให้ความรู้เกี่ยวกับสารต้องห้ามจึงถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะกีฬาเพาะกาย เนื่องจากทาง สหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย ต้องการให้การแข่งขันกีฬาเพาะกายมี การรณรงค์เรื่องนี้ อย่างจริงจัง และอยากให้นักกีฬา เจ้าหน้าที่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของกีฬาเพาะกาย ได้นำองค์ความรู้ จากการสัมมนาเรื่องนี้ ไปต่อยอดให้นักกีฬาของประเทศต่างๆ ได้เกิดการตระหนักรู้และตื่นตัว เพื่อป้องกันและต่อต้านการใช้สารต้องห้าม
อดีตทางสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก และ สหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย ถ้าพบนักกีฬาที่ใช้สารต้องห้าม สำหรับบทลงโทษ สมัยก่อน มีแค่ห้ามแข่งขันเป็นเวลา 4 ปี แต่ในอนาคต การลงโทษ จะมีเพิ่มมากขึ้น ทางสหพันธ์ฯ ได้กำหนดไว้แล้วว่า ในปีหน้า ปี 2026 ทุกการแข่งขันทุกรายการที่ทางสหพันธ์ฯ จัดการแข่งขันขึ้น ถ้าพบว่า นักกีฬาคนไหน ตรวจพบว่า มีการใช้สารต้องห้าม นอกจากจะโดนแบนห้ามแข่งขันเป็นเวลา 4 ปี แล้ว ยังจะโดนปรับอีก คนละ 2 พันดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินไทย 64,830 บาท นอกจากนี้ ยังจะปรับเงินประเทศที่พบว่ามีนักกีฬาใช้สารต้องห้ามอีก 4 พันดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินไทย 129,660 บาท รวมแล้วนักกีฬาและประเทศ นั้นจะโดนปรับ 6 พันดอลลาร์สหรัฐ หรือ เงินไทย 194,670 บาท ต่อคนที่ตรวจพบว่ามีการใช้สารกระตุ้น