เทคโนโลยียืนยันความเป็น ‘มนุษย์’ ข้อควรรู้เกี่ยวกับ World ID ก่อนสแกนม่านตาแลกเงิน
‘ทำแล้วได้เงิน’ คงเป็นคำที่สามารถใช้อธิบายภาพของคนไทยจำนวนมากที่ยืนต่อแถว เพื่อรอสแกนม่านตากับเครื่อง Orb Scanner เทคโนโลยียืนยันตัวตนที่สามารถพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ ที่จากเดิมต้องใช้เอกสารราชการหรือรหัส OTP
นอกจากเทคโนโลยีที่ดูจะล้ำสมัยแล้ว ยังมีค่าตอบแทนในรูปแบบของเงินดิจิทัลที่ชื่อ Worldcoin (WLD) ที่สามารถนำไปแลกเป็นสกุลเงินบาทได้
Orb เป็นเครื่องสแกนม่านตาที่ทำงานร่วมกันกับแอปพลิเคชัน World ทั้งสองได้รับการพัฒนาโดย อเล็กซ์ บลาเนีย(Alex Blania) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Tools for Humanity ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่ทำร่วมกับ แซม อัลต์แมน(Sam Altman) ซีอีโอ OpenAI และเจ้าของ ChatGPT
โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้แยกแยะระหว่างมนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผ่านขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน เพียงแค่โหลดแอปฯ World กรอกข้อมูลเพื่อให้ได้คิวอาร์โคด และนำไปสแกนกับเครื่อง Orb ก็ถือว่าสิ้นสุดขั้นตอน เท่านี้คุณก็จะมีหลักฐานแล้วว่า ตัวเองไม่ใช่ AI แถมยังได้เงินดิจิทัลเข้ากระเป๋าตังค์ในแอปฯ World อีกด้วย
แต่เราสามารถมั่นใจได้แค่ไหนว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่นี้จะปลอดภัย และการยืนยันตัวตนผ่านการสแกนม่านตาคุ้มหรือไม่กับเงินที่ได้รับ
The Momentum พาไปดูว่า มีอะไรที่ ‘ต้องรู้’ ก่อนตบเท้าไปสแกนม่านตากันบ้าง
ม่านตา-ข้อมูลส่วนตัวเสี่ยงถูกดูดไปใช้สวมรอยทำธุรกรรม
หากใครเคยได้ยินคำว่า คนแต่ละคนไม่มีทางเหมือนกันหรอก แน่นอนว่าเป็นความจริงโดยเฉพาะกับ ‘ม่านตา’ ที่มีลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคนเหมือนกับลายนิ้วมือ แม้จะเป็นฝาแฝดกันก็ไม่มีทางที่จะมีม่านตาเหมือนกันได้ บริษัท World จึงใช้สิ่งนี้ในการยืนยันตัวตนของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่ใช่การระบุว่า ‘คุณเป็นใคร’ แต่ยืนยันว่า ‘คุณเป็นคนจริงๆ’ ไหม
สำหรับขั้นตอนการยืนยันความเป็นมนุษย์มีดังนี้
1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน World กรอกข้อมูลเพื่อเข้าใช้แอปพลิเคชัน จากนั้นจะได้รับ QR Code สำหรับนำไปสแกนกับเครื่อง Orb (เครื่องสแกนม่านตา)
2. จองเวลาและสถานที่ซึ่งตั้งเครื่อง Orb ไว้ แล้วเดินทางไปตามนัดหมายเพื่อนำ QR Code ไปสแกนกับเครื่อง ตามด้วยการสแกนม่านตา
3. เมื่อดำเนินการกับเครื่อง Orb เสร็จ จะได้รับ World ID เข้ามาในแอปพลิเคชัน World เพื่อเป็นหลักฐานความเป็นมนุษย์เอาไว้ใช้ในโลกออนไลน์กับแอปพลิเคชันที่รองรับ และจะได้รับ Worldcoin หรือเงินดิจิทัลในกระเป๋าเงินแอปฯ World ด้วย
ทั้งนี้ อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ม่านตาถือเป็นข้อมูลทรัพย์สินดิจิทัลส่วนบุคคลที่มีมูลค่าสูง เพราะยากต่อการเปลี่ยนแปลง มีความเฉพาะตัว สามารถนำไปใช้ระบุและยืนยันตัวตนของบุคคลได้แบบเฉพาะเจาะจง จึงเตือนประชาชนพิจารณา 3 เรื่องคือ การรั่วไหลของข้อมูล การถูกขโมยข้อมูลม่านตาและใช้สวมรอยทำธุรกรรมทางการเงินและเข้าถึงบริการต่างๆ และการสร้าง Deepfake เพื่อก่ออาชญากรรมไซเบอร์
เพจ Facebook: World Thailand เผยแพร่คำชี้แจงเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 โดยข้อความบางส่วนระบุว่า เทคโนโลยีของ World ออกแบบโดยยึดหลักความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย บริษัทไม่มีการรวบรวมหรือจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน เช่น ชื่อ-สกุล ที่อยู่ อายุ ส่วนสูง หรือข้อมูลจำแนกอื่นๆ และไม่ได้จัดเก็บข้อมูลชีวมิติ (Biometric Data) จากกระบวนการยืนยันความเป็นมนุษย์ผ่านอุปกรณ์ Orb ที่ถ่ายภาพม่านตาและใบหน้าของผู้ใช้งาน รวมทั้งไม่มีการเปิดเผยหรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อสร้างรหัส Iris Code (รหัสตัวเลขที่ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นภาพต้นฉบับได้ โดยรหัสนี้จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล) สำหรับภาพถ่ายและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะถูกจัดเก็บเอาไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน
สำหรับประเด็นความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ World อธิบายว่า บริษัทได้สร้างเครือข่ายแบบเปิด (Open Source) และกระจายศูนย์ (Decentralized) โดยส่วนประกอบหลักของฮาร์ดแวร์ เช่น อุปกรณ์ Orb และซอฟต์แวร์ ยกตัวอย่างโปรโตคอลของ World ID ที่ได้รับการเปิดเผยซอร์สโค้ดต่อสาธารณะ และสามารถเข้าตรวจสอบได้ ทั้งนี้ เทคโนโลยีทั้งหมดได้รับการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยและความโปร่งใส
แสวงหาประโยชน์จาก Worldcoin ช่องโหว่ใหม่ของมิจฉาชีพ
“ใครไปแลกเงิน World App กับคนนี้ระวังกันด้วยนะมันหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี World App ของมัน”
“…นี่ขี้โกง ใครไปทำ World App กับ…นี่ ระวัง”
ข้อความข้างต้นเป็นการเตือนภัยให้ระวังกลุ่ม ‘มิจฉาชีพ’ ที่เข้ามาหาช่องโหว่ และแสวงหาผลประโยชน์จากปรากฏการณ์แลกเงินดิจิทัล Worldcoin และนำมาแลกเป็นสกุลเงินบาท
เทคโนโลยียืนยันความเป็นมนุษย์ของบริษัท World เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนแล้วเสร็จจะได้รับเหรียญ Worldcoin ซึ่งเป็นเหรียญดิจิทัลในแอปพลิเคชัน World เพื่อสร้าง ‘แรงจูงใจ’ ให้คนมาใช้บริการมากขึ้น โดยสามารถนำไปแลกเป็นเงินสดสกุลเงินบาทผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย เช่น Bitkub และ Bitazza
ทั้งนี้ทั้งนั้นประชาชนที่เดินทางไปใช้บริการดังกล่าว บางส่วนไม่สันทัดกับการนำเหรียญดิจิทัลมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงเป็นช่องโหว่ที่มิจฉาชีพใช้แสวงหาผลประโยชน์ด้วยการหลอกล่อให้ผู้ที่ใช้บริการทำการโอนเหรียญ Worldcoin เข้าบัญชีภายในแอปพลิเคชัน World ของตนเอง โดยอ้างว่าจะอาสานำเหรียญดิจิทัลดังกล่าว ไปแลกเป็นเงินสดให้ แต่ในท้ายที่สุดกลับเชิดเงินไปใช้เอง
สแกนแล้วเท่ากับสมัครใจ พนักงานตอบคำถามประชาชนไม่ได้
ในแผ่นประกาศ “โปรดอ่านก่อนสแกนม่านตา” ที่ตั้งอยู่ข้างกันกับเครื่อง Orb มีข้อความว่า
ข้าพเจ้าเข้าใจและยอมรับว่า
1. ข้าพเจ้าได้ทำการสแกนม่านตาด้วยความสมัครใจของข้าพเจ้าเอง
2. ข้าพเจ้ารับทราบว่า บริษัทไม่ได้เก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลใดๆ จากการสแกนม่านตาของข้าพเจ้า
3. ผลตอบแทนที่ข้าพเจ้าได้รับจากการสแกนม่านตา อยู่ในรูปของเหรียญ Worldcoin (เวิลด์คอยน์) ไม่ใช่รูปแบบของเงินสด และมูลค่าของเหรียญอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับราคาตลาด
4. จำนวนเหรียญที่ได้รับในแต่ละวันอาจมีจำนวนไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการประกาศของบริษัท World
ใน 2 ข้อแรกจะเห็นว่า หากประชาชนสแกนม่านตากับเครื่อง Orb แล้ว แม้ไม่ได้ศึกษาข้อมูลหรือได้รับข้อมูลอย่างรอบด้านจากผู้ดูแลโครงการดังกล่าว ถือว่า ‘สมัครใจ’ ที่จะให้ข้อมูล และถือว่า ‘รับทราบ’ วิธีการของระบบแล้ว
ขณะที่พนักงานที่ดูแลประชาชนผู้มาขอรับบริการของ World นั้น บางส่วนไม่สามารถอธิบายข้อสงสัยต่างๆ ของประชาชนได้ ยกตัวอย่างกรณีของยูทูบเบอร์ช่อง DOM ที่ทดลองเข้าไปในจุดที่ตั้งเครื่องสแกนม่านตา และพบว่าพนักงานที่ประจำอยู่บริเวณนั้นไม่สามารถตอบคำถามพื้นฐานอย่างเรื่องความปลอดภัยของเครื่อง Orb กับการใช้ข้อมูลม่านตาได้ และแนะนำให้เดินทางไปสอบถามกับสำนักงานผู้ให้บริการด้วยตัวเอง
สิ่งนี้สะท้อนว่า การให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลแก่ประชาชนผู้มาขอรับบริการยังไม่เพียงพอ และหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมที่เกิดจากความกังวลทั้งวิธีการทำงานของระบบ การรักษาความปลอดภัย รวมไปถึงการขอยกเลิกระบบและการร้องเรียนปัญหา พนักงานอาจไม่สามารถตอบคำถามดังกล่าวเพื่อคลายข้อกังวลและข้อสงสัยของประชาชนได้
ขณะเดียวกันมีหลายประเทศสั่งระงับ ปรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือให้มีการตรวจสอบเทคโนโลยีดังกล่าว เช่น สเปน โปรตุเกส เคนยา ฮ่องกง เกาหลีใต้ และเยอรมนี
เนื่องจากมีข้อกังวลทั้งความโปร่งใสและความปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลชีวภาพ ขณะเดียวกันหน่วยงานทั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคและตำรวจไซเบอร์ในประเทศไทย ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลจากม่านตา และตั้งข้อสังเกตกับการทำงานของระบบยืนยันความเป็นมนุษย์ของบริษัท World ตามที่บริษัทอ้างว่า ข้อมูลม่านตาจะถูกลบทันทีเมื่อแปลเป็นรหัส หรือที่อ้างว่าบริษัทไม่มีการเก็บข้อมูลใดของผู้มารับบริการนั้นจริงหรือไม่ โดยแนะให้ประชาชนศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าใช้บริการ และคำนึงถึงความเสี่ยงของการใช้ข้อมูลส่วนตัว
ทั้งนี้การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยืนยันความเป็นมนุษย์ในครั้งนี้ไม่ว่าจะทำเพื่อเจตนารมณ์โดยตรงที่ผู้พัฒนาเทคโนโลยีต้องการ คือการแยกแยะบอตกับมนุษย์จริง หรือทำเพื่อเงินดิจิทัลที่เป็นค่าตอบแทน การนำข้อมูลชีวภาพอย่างม่านตา ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหวและมีความเฉพาะในแต่ละบุคคล
ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน มองหาช่องทางที่จะดำเนินทั้งการร้องเรียนและการยกเลิกระบบ หากมีความไม่มั่นใจในความปลอดภัย หรือพบปัญหาการใช้งานในภายหลัง
อ้างอิง
- https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?id=QmpOTmhjMnNuK0k9
- https://www.youtube.com/watch?v=LPVzQx8KsHQ&t=590s
-https://www.facebook.com/photo?fbid=122123132582927152&set=a.122108858876927152