ศึกเดือดบุปผาฯ ต้อม ยุทธเลิศ ปะทะ พิง ลำพระเพลิง ท้าเคลียร์ เรื่องสิทธิ์กำกับหนัง
กลายเป็นศึกดราม่าระอุในวงการหนังไทย เมื่อสองผู้กำกับชื่อดัง ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค และ พิง ลำพระเพลิง เปิดศึกปะทะคารมกันอย่างหนัก สาเหตุเริ่มจากการนำภาพยนตร์ดังในตำนาน บุปผาราตรี กลับมาสร้างใหม่ จนบานปลายกลายเป็นข้อพิพาทเรื่องสิทธิ์และบทบาทการกำกับ
ต้นปี 2568 มีการแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ บุปผาราตรี มาลีรัตติกาล รีบูทจากต้นฉบับ โดยมี พิง ลำพระเพลิง ร่วมกับ ปอนด์ กฤษดา จากค่าย Be On Cloud ทำหน้าที่ผู้กำกับ พร้อมนักแสดงนำอย่าง อาโป-ณัฐวิญญ์ อิงฟ้า วราหะ เจษ เจษฎ์พิพัฒ และแจ๊ส ชวนชื่น
ต่อมาภาพยนตร์ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บุปผา The Movie พร้อมข้อความกำกับชัดเจน Original film by Be On Cloud
เพียงเท่านั้น ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค เจ้าของผลงานเดิมก็ออกมาประกาศผ่านโซเชียล ยืนยันสิทธิ์ว่า จักรวาลบุปผาราตรี เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว พร้อมกล่าวหาว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์
ทันทีที่กระแสแรง ค่าย Be On Cloud ตอบโต้ด้วยแถลงการณ์ ยืนยันซื้อลิขสิทธิ์ถูกต้องจากบริษัท ฟิล์มรีพับบลิค จำกัด ระบุชัดว่าเป็นการตีความเค้าโครงเรื่องใหม่ ไม่ใช่ภาคต่อจากหนังทั้งสี่ภาค
แต่ ต้อม ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขานำสัญญาที่เซ็นไว้มาเปิดเผย เงื่อนไขชัดเจน ผู้กำกับต้องเป็น พิง ลำพระเพลิง เพียงคนเดียว และยังระบุด้วยว่า เมื่อพิงบอกว่าทุนไม่พอ ต้องหานายทุนใหม่ เขาก็ยอมเซ็นสัญญาแก้ไข โดยไม่เรียกร้องค่าลิขสิทธิ์ใดๆ เพิ่ม
ทว่าผลที่ออกมา กลับไม่มีชื่อพิงเป็นผู้กำกับ ต้อมจึงประกาศฟันธง สัญญานี้ถือเป็นโมฆะ และอีกฝ่ายหมดสิทธิ์ใช้ชื่อ บุปผา
เรื่องนี้ยิ่งลุกลาม เมื่อแอ็กเคานต์ X ในนาม ผู้กำกับเลว ปล่อยข้อความและบทสนทนา ระบุว่าไม่เห็นพิงในกองถ่าย และหนังสามารถเดินหน้าต่อได้แม้ไม่มีเขา
พิง ลำพระเพลิง เดือดจัด ออกมาโพสต์สวนทันที สาบานด้วยชีวิตตน ภรรยา และลูก ยืนยันไม่เคยพูดตามข้อความดังกล่าว พร้อมท้าวัดพระแก้วสาบาน หากไม่จริง และขอออกรายการ โหนกระแส เพื่อพิสูจน์กันต่อหน้า
ผู้กำกับเลว ตอบกลับทันควัน ประกาศว่าถ้าได้นัดหมายโหนกระแสแล้ว ให้ติดต่อมาได้ทันที
ปิดท้ายด้วยการโต้เดือดของ ต้อม ยุทธเลิศ ที่ระบุชัดมาแบบนี้ ไม่ใช่เพื่อนตนแล้ว ชัดเจนว่าคือศัตรู ศัตรูผู้สมคบคิดกับนายใหม่ร่วมกันฉ้อโกงตนตั้งแต่แรก งั้นมารายการด้วย อยากเจอ แล้วการที่ดึงลูกตนที่เสียไปเข้ามาเกี่ยว หลังจบรายการต้องกราบขอโทษเขาต่อหน้าตน ไม่งั้นตนจะกระทืบให้จมดิน