5 แนวทางป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล ที่องค์กรต้องรู้ในยุค AI
ล่าสุดในปี 2567 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยทั่วโลกในการจัดการเหตุการรั่วไหลของข้อมูล Data Breach พุ่งสูงถึง 4.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า ดังนั้น การปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนเพื่อความอยู่รอดขององค์กร
โดยศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล - PDPC Eagle Eye อัปเดต 5 แนวทางป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Breach) ความปลอดภัยไซเบอร์ที่องค์กรต้องรู้ในยุค AI
1.พัฒนา Security Awareness Training การฝึกอบรมสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยจะช่วยให้พนักงานสามารถรับมือกับภัยคุกคาม Data Breach ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น. ปัจจุบัน การโจมตีไม่ได้มุ่งเป้าที่ระบบเพียงอย่างเดียว แต่เน้นใช้หลักจิตวิทยาเพื่อหลอกลวง "คน" เนื่องจาก 74% ของการรั่วไหลของข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวข้องกับปัจจัยมนุษย์ ภัยคุกคามอย่างฟิชชิง (Phishing) และวิศวกรรมสังคม (Social Engineering) มีความซับซ้อนสูงขึ้นจากการใช้ Generative AI และเทคโนโลยี Deepfake ในการปลอมแปลงเสียงและวิดีโอเพื่อหลอกลวงพนักงาน
มีรายงานว่าอีเมลฟิชชิงกว่า 82.6% ใช้เทคโนโลยี AI ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ดังนั้น การฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ และจัดให้มีการทดสอบฟิชชิง (Phishing Simulation) จะเป็นเกราะป้องกันด่านสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error)
2.จัดทำ Incident Response Plan แผนรับมือตอบสนองต่อเหตุการณ์ (Incident Response Plan) ที่ชัดเจน ตั้งแต่การตรวจจับไปจนถึงการแก้ไขเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว จะช่วยป้องกันและรับมือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการรั่วไหลของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรที่มีทีมรับมือเหตุการณ์และมีการทดสอบแผนอย่างสม่ำเสมอสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 248,000 ดอลลาร์สหรัฐโดยเฉลี่ย แผนดังกล่าวควรรวมถึงขั้นตอนการยับยั้งการโจมตี, การประเมินผลกระทบ, การแจ้งผู้ที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานกำกับดูแล ไปจนถึงการวิเคราะห์หลังเกิดเหตุเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น
3.เพิ่มความปลอดภัยของเครือข่าย ควรมีการใช้ Firewall รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายที่ทันสมัย เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในองค์กรได้ทุกเมื่อ ระบบความปลอดภัยแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพอต่อการรับมือภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI องค์กรควรพิจารณาใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Endpoint Detection and Response (EDR) และ Extended Detection and Response (XDR) ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย (Multi-Factor Authentication: MFA) ยังคงเป็นมาตรการพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก 86% ของการรั่วไหลของข้อมูลเกิดจากการใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมยไป
4.เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ควรมีการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลอย่างเคร่งครัด (Access Control) เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนถูกเข้าถึงได้โดยง่าย การจำกัดสิทธิ์ให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะส่วนที่จำเป็นต่อการทำงาน (Principle of Least Privilege) จะช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลรั่วไหล นอกจากนี้ การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) ทั้งในระหว่างการจัดเก็บและระหว่างการส่งผ่าน เป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่จะช่วยปกป้องข้อมูล แม้ว่าข้อมูลนั้นจะตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดีก็ตาม
5.ปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO/IEC 27001 และ PDPA มาตรฐานการจัดการความปลอดภัยของข้อมูลและกฎหมาย PDPA จะช่วยควบคุมความเสี่ยงและทำให้การจัดการข้อมูลมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ISO/IEC 27001 เป็นกรอบการทำงานที่ช่วยให้องค์กรสามารถระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งรวมถึงการมีแผนรับมือการรั่วไหลของข้อมูลที่ชัดเจน การปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ไม่ใช่แค่เรื่องของข้อกฎหมาย แต่ยังเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นจากลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งการมีมาตรฐานอย่าง ISO 27001 จะช่วยสนับสนุนการปฏิบัติตาม PDPA ได้เป็นอย่างดี