โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

แรงงานเขมรลอบกลับไทย ด่านอรัญฯ เจอกว่า 300 คน สภาพอิดโรย เผยไม่มีงานทำ

Amarin TV

เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา
กองทัพบกรายงานตัวเลขชาวกัมพูชาที่ลักลอบกลับมายังประเทศไทย พบแล้วอย่างน้อย 329 ราย เฉพาะด่านอรัญประเทศ เล่าหมดเปลือกว่าไม่มีงานทำ

เฟสบุ๊กเพจกองทัพบก Royal Thai Army ได้โพสต์ภาพการจับกุมแรงงานกัมพูชาหลายสิบชีวิต ที่ลักลอบเข้ามายังจังหวัดสระแก้ว พร้อมแคปชั่นระบุว่า “จับแรงงานกัมพูชากว่าครึ่งร้อย! สภาพอิดโรย หิวโซ สารภาพสิ้นไร้หนทาง รัฐบาลไม่เหลียวแล ต้องกลับมาตายเอาดาบหน้าในไทย”

กองกำลังบูรพา กองทัพบทไทยได้เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณท้ายหมู่บ้านกุดหิน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังได้รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ว่ามีการลักลอบข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวแรงงานชาวกัมพูชาจำนวน 50 คน เป็นชาย 33 คน และหญิงอีก 18 คน ขณะกำลังเดินเท้าเข้ามาในพื้นที่ สภาพของแรงงานทั้งหมดดูอิดโรยและหิวโหย

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แรงงานจึงเปิดเผยว่า พวกเขาเคยทำงานในประเทศไทยมาก่อน แต่จำต้องเดินทางกลับประเทศกัมพูชาเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการควบคุมการเข้าออกที่เข้มงวดของทั้งสองประเทศ แต่เมื่อกลับไปถึงภูมิลำเนาแล้ว กลับไม่มีงานทำและขาดรายได้ ประกอบกับรัฐบาลกัมพูชาไม่มีมาตรการช่วยเหลือใด ๆ จึงตัดสินใจยอมจ่ายเงินค่าเดินทางให้ผู้นำทางหัวละ 5,000-6,000 บาท เพื่อกลับมาตายเอาดาบหน้าในประเทศไทยอีกครั้ง

พวกเขายังเล่าอีกว่า ได้ติดต่อผู้นำทางชาวกัมพูชา 3 คน เพื่อนำพาข้ามแดนมาตามเส้นทางธรรมชาติเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ แต่ระหว่างทางก็ถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบเสียก่อน โดยผู้นำทางทั้ง 3 คนอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งหลบหนีไปในไร่อ้อย เหลือไว้แต่แรงงานชาวกัมพูชาที่ถูกจับกุมตัวไว้ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวแรงงานชาวกัมพูชาทั้งหมดที่จับกุมได้ในครั้งนี้ ส่ง สภ.คลองน้ำใส เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ด้าน พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งปิดด่านชายแดน ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน ถึง 8 กันยายน 2568 ทางหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศสามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองได้รวม 84 ครั้ง เป็นจำนวนแรงงานชาวกัมพูชามากถึง 329 คน การจับกุมนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสิ้นหวังของประชาชนชาวกัมพูชาที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยตนเอง เนื่องจากขาดการดูแลจากรัฐบาลในประเทศบ้านเกิด ที่กดดันให้ประชาชนเดินทางกลับประเทศเเล้วไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ

รัฐบาลกัมพูชาเร่งหางานให้แรงงานที่กลับบ้าน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว สวนทางกับท่าทีของรัฐบาลกัมพูชา ที่แสดงความแข็งขันในการหางานรองรับชาวกัมพูชาที่คืนถิ่นในช่วงที่ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาปะทุหนักในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 3 กันยายน สำนักข่าว Khmer Times รายงานว่ารัฐบาลกำลังสร้างงานให้ชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับจากประเทศไทยเพิ่มอย่างเร่งด่วน

กระทรวงแรงงานและฝึกอบรมวิชาชีพกัมพูชา (MLVT) เปิดเผยว่า มีชาวกัมพูชาในไทยมากกว่า 920,000 คนได้ข้ามพรมแดนกลับบ้าน ในจำนวนนี้ ประมาณ 700,000 คนเป็นแรงงานข้ามชาติที่เคยทำงานในภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศไทย ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อสร้างโอกาสการจ้างงานให้กับแรงงานที่กลับมาทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

ด้านนายเฮง ซัวร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกัมพูชา ย้ำว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เคยมีนโยบายห้ามพลเมืองกัมพูชาทำงานในต่างประเทศ และเสริมว่า “แม้แต่พลเมืองไทยก็ยังไปทำงานในต่างประเทศ” นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เศรษฐกิจของกัมพูชาได้รองรับแรงงานชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับบ้านแล้วประมาณ 150,000 คน และแม้ว่า 150,000 คนอาจดูเหมือนจำนวนน้อย แต่ความจริงที่ว่าภาคเอกชนสามารถรองรับแรงงานจำนวนมากเหล่านี้ได้ภายในเวลาเพียงสองเดือน ถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์

หากตัวเลขนี้ยังคงดำเนินต่อไปอีกหนึ่งปี หมายความว่ากัมพูชาาจะสามารถสร้างงานได้หนึ่งล้านตำแหน่ง ซึ่งต้องขอบคุณภาคเอกชนและภาคธุรกิจของเราที่ได้ช่วยเหลือประเทศชาติด้วยการขยายการดำเนินงาน เพื่อให้ตลาดแรงงานของเราสามารถรองรับแรงงานข้ามชาติที่กลับเข้ามาได้ ขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตเป็นแหล่งจ้างงานหลักสำหรับผู้ที่กลับมาทำงาน รัฐบาลก็มองไปที่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศเพื่อขยายตลาดงานในประเทศด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...