'กิฟฟารีน' ทุ่ม 10 ล้านใช้ AI สร้างโค้ชส่วนตัวให้นักธุรกิจ สู้ศึกตลาดแข่งขันดุ
พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจขายตรง ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ล่าสุด กิฟฟารีนได้เปิดตัว "Giffarine AI Coach" ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ใช้เวลาพัฒนากว่า 1 ปี และใช้งบลงทุนเกือบ 10 ล้านบาท
"Giffarine AI Coach" เป็นระบบ AI ที่พัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีจาก Microsoft และ FRONTIS ทำหน้าที่เป็นโค้ชส่วนตัวให้กับนักธุรกิจกิฟฟารีน โดยสามารถวิเคราะห์วิดีโอและสร้างสคริปต์การขาย พร้อมให้คำแนะนำที่เข้ากับสไตล์ของแต่ละบุคคล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้าและแนะนำธุรกิจ โดยระบบจะเริ่มใช้งานในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 และคาดว่าจะมีผู้ใช้ในช่วงแรก 2,000 ราย
ปัจจุบันกิฟฟารีนมีลูกค้าที่ลงทะเบียนรวม 8.7 ล้านรหัส และมีนักธุรกิจที่ได้รับรายได้ 8.7 แสนรหัส โดยมีนักธุรกิจที่แอคทีฟประมาณ 4 แสนคน ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 28-50 ปี สำหรับยอดขายรวมของกิฟฟารีนในช่วง 29 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 110,758 ล้านบาท ส่วนยอดขายปีที่แล้วอยู่ที่ 4,300 ล้านบาท ซึ่งยอดขายในช่วงครึ่งแรกจะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท โดยปี 2568 คาดว่ายอดขายรวมจะเติบโตประมาณ 2% หรือเท่าเดิม
พญ.นลินีกล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจขายตรงในปี 2568 ยังคงมีสัญญาณบวกจากเทรนด์ตลาดสุขภาพและความงาม โดยมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 56,400 ล้านบาท กิฟฟารีนจึงจะรุกทำตลาดเต็มที่ โดยมุ่งเน้นกลุ่มสินค้า Health & Beauty ซึ่งเป็นสินค้าเรือธง และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์นักธุรกิจและผู้บริโภค พร้อมระบุว่าธุรกิจของกิฟฟารีนทำให้เกิด Disruption น้อยลง เนื่องจากผู้คนใช้กิฟฟารีนเป็นงานที่สอง ทำให้ปี 2568 กิฟฟารีนจะรุกทำตลาดเต็มสูบ โดยกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มและโอกาสเติบโตสูงของกิฟฟารีนยังคงเป็นกลุ่มสกินแคร์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในกลุ่ม Longevity และเสริมภูมิคุ้มกัน ผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลรูปร่าง และผลิตภัณฑ์โปรตีนวีแกน
ขณะที่นายปริญญ์ บุญดีสกุลโชค CEO & Managing Partner ของ บริษัท ฟรอนทิส จำกัด กล่าวว่า ในยุคที่ AI พัฒนาอย่างก้าวกระโดด การนำ AI มาช่วยงานอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างความแตกต่าง หัวใจสำคัญคือการสร้าง ‘ความได้เปรียบจาก AI’ หรือ ‘AI Advantage ให้เกิดขึ้นจริงในธุรกิจ FRONTIS รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้คำปรึกษาและทำงานร่วมกับกิฟฟารีน ซึ่งเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมองเห็นโอกาสนี้ก่อนใคร
โดยเปลี่ยนโจทย์ความท้าทายให้กลายเป็นโซลูชัน ‘Giffarine AI Coach’ ซึ่งไม่เพียงเป็นเครื่องมือ แต่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่เสริมศักยภาพ Empower ให้นักธุรกิจกิฟฟารีนทำงานได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยสร้างความแข็งแกร่งและโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ กรณีของกิฟฟารีนเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ในยุค AI Disruption นี้องค์กรที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนอาจไม่ได้ขึ้นกับขนาดใหญ่ที่สุดหรือเร็วที่สุด แต่คือผู้ที่ปรับตัวและสามารถผสานเทคโนโลยีเข้ากับกลยุทธ์และคนทำงานได้อย่างตรงจุด
ด้านนายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวว่า ทุกวันนี้เอไอไม่ใช้ผู้ช่วย แต่เปรียบเสมือนลูกน้อง เพื่อนสนิท วันนี้เรามองเห็นโอกาสของทุกธุรากิจ เราสามารถสร้างอาชีพใหม่ สร้างคอนเนต์ใหม่ ๆ ได้ ส่วนในภาคธุรกิจขายตรง ไมโครซอฟท์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกิฟฟารีนสู่อนาคตของธุรกิจขายตรงไทย ด้วยพลังของ AI กิฟฟารีนถือเป็นแบรนด์ MLM สัญชาติไทยรายแรกที่พัฒนา ‘Giffarine AI Coach’ ในรูปแบบ AI Agent เพื่อเสริมศักยภาพนักธุรกิจให้ทำงานและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเปิดโอกาสให้นักธุรกิจได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ขยายตลาดใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ไมโครซอฟท์เชื่อมั่นว่า AI จะเป็นพลังสำคัญสร้างอิมแพค และยกระดับกิฟฟารีนสู่การเป็น Frontier Firm ของธุรกิจขายตรงไทยในยุค AI อย่างแท้จริง