นักลงทุนหวั่นทรัมป์แทรกแซงเฟด ค่าเงินดอลลาร์ดิ่งต่อเนื่อง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง โดยปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีอีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่อาจถูกสั่นคลอน หลังมีสัญญาณแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองอย่างชัดเจนมากขึ้น
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวโจมตีประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวลล์ ว่าเป็นบุคคลที่ “แย่มาก” พร้อมเปิดเผยว่าเขากำลังพิจารณาบุคคล 3 ถึง 4 คนเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับตำแหน่งประธาน Fed ในอนาคต
แม้ก่อนหน้านี้ค่าเงินดอลลาร์จะได้รับแรงหนุนชั่วคราวจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง แต่ในวันพฤหัสบดี ดัชนีดอลลาร์ที่วัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลักกลับร่วงลงอีกครั้ง โดยตลอดทั้งปีนี้ ดอลลาร์อ่อนค่าลงแล้วกว่า 10% และมีแนวโน้มจะปิดปีด้วยผลตอบแทนติดลบมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003
Kaspar Hense ผู้จัดการพอร์ตอาวุโสจาก RBC BlueBay Asset Management ให้ความเห็นว่า “เรากำลังถือสถานะ Short ดอลลาร์ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ความเชื่อมั่นต่อสถาบันหลักของประเทศเริ่มสั่นคลอน” พร้อมเสริมว่า หากบุคคลอย่าง Kevin Hassett หรือ Scott Bessent ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน Fed เพื่อเร่งลดดอกเบี้ยโดยไม่พิจารณาความเสี่ยงพื้นฐาน น่าจะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดเพิ่มเติม
รายงานระบุว่า ตัวเต็งที่จะรับตำแหน่งประธาน Fed คนใหม่ ได้แก่ อดีตผู้ว่าการ Fed นาย Kevin Warsh, ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ Kevin Hassett, ผู้ว่าการ Fed คนปัจจุบัน Christopher Waller และรัฐมนตรีคลัง Scott Bessent
Kit Juckes หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนของ Societe Generale กล่าวว่า ตลาดดูเหมือนจะตั้งสมมติฐานว่าทรัมป์จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่มีแนวโน้ม “เห็นพ้องกับแนวนโยบายของเขา” มากขึ้น
แรงกดดันจากการคาดการณ์ลดดอกเบี้ยและข้อกังวลทางการเมือง
ความเห็นของ Michelle Bowman สมาชิกคณะกรรมการ Fed ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งโดยทรัมป์ให้ดูแลภาคธนาคาร ระบุว่า “เวลาของการลดดอกเบี้ยกำลังใกล้เข้ามา” ได้สร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญ โดยตลาดขณะนี้ให้น้ำหนักเกือบ 25% ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นจาก 12.5% เมื่อสัปดาห์ก่อน
ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ในด้านการค้าระหว่างประเทศและความมั่นคงยังสร้างแรงกระเพื่อมไปถึงยุโรป โดยมีรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เริ่มขอให้สถาบันการเงินในภูมิภาคประเมินความจำเป็นในการถือครองดอลลาร์ในสถานการณ์ตึงเครียด พร้อมจำลองกรณีที่ไม่สามารถเข้าถึงวงเงินดอลลาร์จาก Fed ได้ภายใต้รัฐบาลทรัมป์
Nick Rees หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของ Monex Europe ระบุว่า ความเสี่ยงระยะสั้นของตลาดในขณะนี้คือ “การวิพากษ์วิจารณ์ Fed อย่างต่อเนื่องจากฝ่ายบริหารสหรัฐ” ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาดอย่างมาก
บทบาทดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอาจกำลังเสื่อมถอย
แม้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะสูงขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ค่าเงินดอลลาร์กลับไม่ได้แข็งค่าตามคาดการณ์ นักวิเคราะห์จาก Principal Asset Management ชี้ว่าความสามารถของดอลลาร์ในการทำหน้าที่เป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” เริ่มลดลง โดยในอดีตดอลลาร์มักปรับขึ้นควบคู่กับราคาน้ำมัน แต่สัปดาห์ที่แล้วกลับปรับขึ้นเพียง 0.7% เท่านั้น
นอกจากนี้ ผลกระทบจากนโยบายภายในประเทศที่ไม่แน่นอนยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นต่อ “ความพิเศษของเศรษฐกิจสหรัฐ” หรือ U.S. Exceptionalism ถูกตั้งคำถามมากขึ้น
การสำรวจผู้จัดการทุนสำรองจากธนาคารกลาง 75 แห่งทั่วโลกโดย OMFIF พบว่า 70% ระบุว่า สภาพแวดล้อมทางการเมืองของสหรัฐฯ ทำให้พวกเขาไม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ — มากกว่าปีก่อนหน้าถึงสองเท่า
Seema Shah กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเปลี่ยนแปลงผู้นำ Fed ที่อาจเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะยิ่งกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของสถาบันหลักของสหรัฐ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ตลาดต้องการอย่างแน่นอน”