รัฐบาลเตือน โรคมือเท้าปากระบาดหนักในฤดูฝน พบผู้ป่วยแล้วกว่า 2.1 หมื่นราย ย้ำ สธ. พร้อมรับมือ
วันนี้ (28 มิถุนายน) อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง โรคมือเท้าปาก ซึ่งเป็นโรคที่แพร่ระบาดได้ง่ายในเด็กเล็กช่วงฤดูฝน โดยขณะนี้พบผู้ป่วยสะสมแล้วกว่า 21,315 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 25 มิถุนายน 2568
อนุกูลกล่าวว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กแรกเกิดถึง 4 ปี จำนวน 15,753 ราย รองลงมาคือเด็กอายุ 5-9 ปี จำนวน 4,658 ราย และเด็กอายุ 10-14 ปี จำนวน 544 ราย เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูฝน อากาศเย็นลงและมีความชื้นสูง ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ดี ส่งผลให้เด็กเล็กมีความเสี่ยงต่อโรคระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะโรคติดต่อผ่านการสัมผัส
โรคมือเท้าปากเป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ แม้เคยป่วยแล้วก็สามารถป่วยซ้ำได้อีก มักพบการระบาดมากในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม
การติดต่อ: โรคนี้ติดต่อได้จากการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย สัมผัสผื่น ตุ่มน้ำใส หรือตุ่มแผลของผู้ป่วย รวมถึงการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้หรือภาชนะร่วมกับผู้ป่วย
ผู้ป่วยมักมีไข้ต่ำๆ มีตุ่มหรือแผลในปากบริเวณเพดานอ่อน กระพุ้งแก้ม และลิ้น ในเด็กเล็กจะสังเกตได้จากการไม่ยอมดูดนม ไม่รับประทานอาหาร มีน้ำลายไหล หรือบ่นเจ็บปาก นอกจากนี้ยังมีผื่นแดงหรือตุ่มน้ำใสขนาดเล็กบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว
หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีไข้สูง รับประทานอาหารและน้ำได้น้อยมาก ซึมลง ชักเกร็ง หายใจหอบเหนื่อย หรืออาเจียนมาก ควรรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
แนวทางป้องกันและเฝ้าระวัง
สำหรับผู้ปกครอง:
ให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังเล่นของเล่น
หมั่นทำความสะอาดของใช้ ของเล่น และพื้นที่ที่เด็กใช้ร่วมกันเป็นประจำ
หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดหน้า
สำหรับคุณครู:
คัดกรองเด็กทุกเช้าอย่างเคร่งครัด: หากพบเด็กป่วยให้แยกออกจากเด็กปกติ แจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้านเพื่อพาไปพบแพทย์และให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายดี หากมีเด็กป่วย 2 รายขึ้นไปในห้องเดียวกันภายใน 1 สัปดาห์: ควรปิดห้องเรียนอย่างน้อย 1 วันเพื่อทำความสะอาด และเฝ้าระวังคัดกรองเด็กในห้องเรียนที่มีการระบาดอย่างเข้มข้นต่ออีก 1 สัปดาห์
อนุกูลกล่าวเน้นย้ำถึงความห่วงใยของรัฐบาลต่อสุขภาพของเด็กๆ และแนะนำให้ผู้ปกครองเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้บุตรหลาน ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมถึงผักผลไม้ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
นอกจากนี้ควรพาเด็กไปฉีดวัคซีนตามกำหนดและปลูกฝังนิสัยรักความสะอาด เช่น การใช้ช้อนกลาง การล้างมือบ่อยๆ การใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ และการสวมใส่หน้ากากอนามัย หากพบอาการเจ็บป่วยหรือความผิดปกติใดๆ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เพื่อความปลอดภัยของบุตรหลานโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนนี้