BVGดันพอร์ตบริการAIโต เป้ารายได้ปี68โตสองหลัก
#BVG #ทันหุ้น -BVG ดึง AI ช่วยพัฒนาบริการ หลังเทรนด์การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมาแรง ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากงานบริการ AI ขณะที่ปี 2568 มั่นใจรายได้โตสองหลัก โดยไตรมาส 2 ปิดดีลลูกค้าได้เพิ่ม หนุนผลงานแกร่ง
นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG บริษัท ลูกของ บริษัทไทยรับประกันภัยต่อ หรือ THRE กล่าวถึงแผนงานของ BVG ว่าจะเน้นนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AIเข้ามาสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลักของบริษัท โดยเฉพาะในส่วนของแพลตฟอร์มเคลมสินไหมรถยนต์ EMCS Platform (Electronic Motor Claim Solution Platform) และ TPA Services (Third Party Administration Services) ซึ่งดำเนินการด้านการพิจารณาและชำระค่าสินไหมทดแทน การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับธุรกิจประกันภัย
*AI แม่นยำสูง
ปัจจุบัน BVG มีการนำระบบ AI เข้ามาใช้กับ EMCS Platformแล้วในการช่วยประเมินความเสียหายของรถยนต์ที่เข้าศูนย์หรืออู่ซ่อม ซึ่งให้ความแม่นยำมากกว่า 90% นางนวรัตน์ อธิบายว่า AI จะช่วยประเมินความเสียหาย และราคาว่าสอดคล้องกับที่อู่ หรือศูนย์ซ่อมประเมินมาหรือไม่ ไม่ว่าจะเรื่องของการเปลี่ยนอะไหล่ จุดที่ต้องซ่อม ซึ่ง AIจะวิเคราะห์จากฐานข้อมูลรูปภาพที่เก็บไว้ในระบบหลายล้านรูป
“การนำAIเข้ามาช่วยไม่เพียงรวดเร็วหากยังมีความแม่นยำ ทำให้พนักงานประเมินความเสียหายทำงานได้เร็วในแง่บริษัทประกันภัยที่เป็นลูกค้าของเราก็สามารถให้บริการด้านงานซ่อมกับเจ้าของรถได้ไวขึ้น เพราะลดเวลาในการอนุมัติจากจาก 13 นาที เหลือเพียง 4-5 นาที โดยเราคาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพงาน AI เข้าไปในงานหลักของเรามากขึ้น ซึ่งนอกจากเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเราอีกด้วย”
นางนวรัตน์ ปัจจุบันรายได้จากการให้บริการของ BVG ที่ผ่านระบบ AI มีสัดส่วนเพียง 8%ของรายได้รวมแต่จากเทรนด์การเติบโตของเทคโนโลยี และการใช้ฐานข้อมูล (Big Data) เพื่อพัฒนาธุรกิจของภาคเอกชน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน บริการ รวมถึงลดต้นทุน ของธุรกิจประกันภัย ทำให้ BVG เชื่อว่า สัดส่วนรายได้จากบริการ AI จะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ในอนาคต
*เปิดตัวAI Inspect
“BVG ยังมีแผนนำ AI เข้ามาช่วยตรวจสภาพรถก่อนการทำประกัน ในชื่อ AI Inspect ซึ่งเหมาะสำหรับกรณีที่ลูกค้าตจะเปลี่ยนแผนประกัน หรือทำประกันรถกับค่ายใหม่ ช่วยบริษัทลดต้นทุนในการส่งทีมไปตรวจสภาพ เพราะ AI สามารถตรวจเบื้องต้นให้เรียบร้อย และยังมีเป้าหมายเชื่อม AI เข้ากับโรงพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชน ในการจัดการเคลม ระหว่างโรงพยาบาล และบริษัทประกัน ซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาด และทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่เร็วขึ้น”
ปัจจุบันรายได้หลักของ BVG มาจาก EMCS Platform และ TPA Services สัดส่วน 88% อีก 12 %มาจากรายได้อื่นๆ คือ ที่ปรึกษาคณิตศาสตร์ประกันภัย บริการนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ, ที่ปรึกษาและฝึกอบรมธุรกิจประกันภัย, การให้คำปรึกษาและวางแผนการเข้าถึงบริการสุขภาพ และให้คำปรึกษาและบำรุงรักษาระบบไอที
นางนวรัตน์ ประเมินต่อว่า EMCS Platform ยังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง ไม่เพียงบริษัทประกันภัยที่เป็นลูกค้า BVG หากในส่วนของ ดีลเลอร์ อู่ซ่อมก็เป็นลูกค้าของบริษัทเช่นกัน ปัจจุบันแม้ยอดขายรถยนต์จะลดลง แต่เทรนด์ของรถ EV ที่กำลังมา จะช่วยเพิ่มลูกค้าที่เป็นดีลเลอร์ให้กับ BVG ได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทเดินหน้าคุยกับ ดีลเลอร์รถEV ต่อเนื่อง
“ขณะที่ TPA Services ก็ไม่ได้มีแค่ลูกค้า บริษัทประกัน กับโรงพยาบาล แต่ลูกค้าองค์กรที่มีระบบประกันกลุ่ม ก็มาใช้บริการส่วนนี้เช่นกัน และในไตรมาส 2/2568 นี้ เราก็ยังจบดีลได้กับลูกค้ารายหนึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเราด้วย”
สำหรับปี 2568 BVG ตั้งเป้ารายได้เติบโตสองหลัก หลังจากไตรมาส 1 กวาดรายได้รวมจากการบริการเพิ่มขึ้น 18% แตะ 152 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 14.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน